วิญญาณมาหาหลวงพ่อจรัญที่วัดอัมพวัน


แชร์เรื่อง วิญญาณมาหาหลวงพ่อจรัญที่วัดอัมพวัน

      เรื่องนี้เป็นเรื่องราว อาจารย์ ที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ถูกรถชน ขณะขับมอเตอร์ไซต์และมีแฟนซ้อนท้ายอยู่ด้วย อุบัติเหตุครั้งนี้ทำให้อาจารย์และแฟนเสียชีวิตทันที แต่ด้วยดวงวิญญานที่มีความผู้พันและชอบการทำวิปัสสนากรรมฐาน กับหลวงพ่อจรัญ ดวงจิตของอาจารย์จึงได้ล่องลอยไปหาหลวงพ่อจรัญที่วัดอัมพวัน จนเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาของพระที่อยู่ในเหตุการณ์ครั้งนั้นหลายรูปด้วยกัน ซึ่งเรื่องราวดังกล่าว เป็นเรื่องที่สมาชิกชองเว็บบอร์ดพลังจิตได้มีการแชร์ข้อมูลเอาไว้ ทางผมเห็นว่าเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์แก่ผู้พบอ่านที่ยังมีความลังเลอยู่ว่า ผี หรือ วิญญาณ มีอยู่จริงหรือไม่ ซึ่งเมื่อได้อ่านเรื่อง วิญญาณมาหาหลวงพ่อจรัญที่วัดอัมพวัน ด้านล่างนี้แล้ว คงจะทำให้ทุกท่านได้ตื่นตัว และ ตระหนักในการทำความดีให้มากขึ้น เพื่อประโยชน์ในช่วงชีวิตหลังความตาย อะไรก็ไม่แน่นอน หมั่นฝึกจิต ทำความดีให้มาก ๆ นะครับ





    ท่านพระครูภาวนาวิสุทธิ์ (จรัล ฐิตธมฺโม) หรือ ที่ชาวบ้านเรียกขานกันว่า หลวงพ่อจรัล ณ วัดอัมพวัน อำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี ที่ท่านเป็นเจ้าอาวาสอยู่ เพราะหลวงพ่อเคยเล่าให้คุณประสิทธิ์ซึ่งไปรับการอบรมวิปัสสนากรรมฐาน จากท่านฟัง เกี่ยวกับเรื่องของอาจารย์วิทยาลัยครูเชียงราย ที่ประสบอุบัติเหตุถูกรถยนต์ชน ในขณะพาคนรักซ้อนท้ายมอเตอร์ไซด์ จนถึงแก่กรรม แต่ในเวลาใกล้เคียงกันนั้น อาจารย์ผู้นี้กลับหิ้วกระเป๋าสะพายเป้มาหาหลวงพ่อที่วัดอัมพวันในรูปกายของมนุษย์ ได้พูดจาสนทนากับหลวงพ่อเป็นเรื่องเป็นราว ทั้งๆ ที่เจ้าตัวกราบเรียนท่านว่า ตนตายไปแล้วจนในที่สุด เมื่อจะลงจากศาลา หลวงพ่อกับพระภิกษุอีกสองรูปที่อยู่ด้วย จึงประจักษ์ ความจริงว่า อาจารย์ผู้นั้นเป็นโอปปาติกะ คุณประสิทธิ์ได้ฟังแล้วกลับมาเล่าให้ผู้เขียนฟังอีกทอด และอยากให้ผู้เขียนไปสัมภาษณ์หลวงพ่อจรัล เผื่อจะได้รายละเอียดเพิ่มเติม ครั้นเราไปถึงวัดอัมพวันและได้นมัสการหลวงพ่อแล้ว พบว่ามีคนมารอทีหลังเราอีกหลายคน การสัมภาษณ์ครั้งนั้นเป็นไปอย่างรีบเร่ง ทั้งท่านได้เล่าให้ฟังอย่างรวบรัดได้กรุณาให้หนังสือ "กฏแห่งกรรม" ที่ท่านพิมพ์แจกในวันเกิดของท่าน และท่านอนุญาตให้ผู้เขียนนำหลักฐานในหนังสือเล่มนั้นประกอบคำสัมภารณ์ครั้งก่อน มาเสนอต่อท่านผู้อ่านได้ผู้เขียนจึงมีเรื่องอัศจรรย์มาเล่าสู่ให้ฟังดังต่อไปนี้
    อาจารย์วิโรจน์ ปัญจบุรี เกิดเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2503 ณ บ้านเลขที่ 91/1 ถนนประตูชัย ตำบลเวียง อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา เป็นบุตรของนายวิรัตน์และนางมอนแก้ว ปัญจบุรี อาจารย์วิโรจน์ เรียนจบมัธยมปลายจากโรงเรียนพะเยาพิทยาคม แล้วเข้าศึกษาต่อที่วิทยาลัยครูเชียงราย ได้รับประกาศนียบัตรการศึกษาชั้นสูง วิชาเอกพลศึกษา ต่อมาได้รับปริญญาคุรุศาสตร์บัณฑิต สาขาเอกพลศึกษา เมื่อ วันที่ 2 มีนาคม 2526 เมื่อเดือนมีนาคม 2525 เคยเป็นผู้แทนนักศึกษามาเข้าค่ายพัฒนาจิตใจที่วัดอัมพวัน มารับการอบรมวิปัสสนากรรมฐาน เป็นเวลา 7 วันครั้นในปี 2526 ทางราชการมีโครงการอบรมที่วัดอัมพวันอีกครั้งหนึ่ง อาจารย์สมเดช มุงเมือง ซึ่งเป็นผู้ควบคุมนักศึกษามารับการอบรมครั้งนี้ ได้ชวนอาจารย์วิโรจน์ให้เป็นวิทยากรและช่วยควบคุมนักศึกษาที่จะมาวัดอัมพวันด้วย



 เมื่อทางวัดอัมพวันทราบหมายกำหนดการล่วงหน้า ได้เตรียมสถานที่รับรองนักศึกษาที่จะเดินทางมาจากเชียงราย พอดีในวันที่ 16 ตุลาคม นักศึกษาวิทยาลัยครูเทพสตรีปิดการอบรมในวันนั้น หลวงพ่อจรัลจึงให้พระภิกษุ 2 รูป รูปหนึ่งจบปริญญาโท อีกรูปหนึ่งจบปริญญาตรี กำลังจะไปศึกษาที่สหรัฐอเมริกา แต่มาบวชก่อนเดินทาง ช่วยกันทำความสะอาดหอประชุม โดยมีหลวงพ่อจรัลนั่งบนเก้าอี้คอยดูแลอยู่ ขณะนั้นเป็นเวลาเย็นใกล้พลบค่ำแล้ว พวกนักศึกษาวิทยาลัยครูเทพสตรีกลับกันหมดแล้ว จู่ ๆ อาจารย์วิโรจน์ ก็เดินหิ้วกระเป๋ากับเป้มาวางบนพื้น คลานเข้ามากราบหลวงพ่อจรัล ซึ่งท่านได้เล่าในตอนนี้ว่า  ตอนที่มานั่งคุกเข่า อาตมาไม่รู้หรอกว่าเข้ามาตอนไหนเพราะมัวแต่ดูพระกวาดกันอยู่ พอมาถึงก็มานั่งกราบเบญจางคประดิษฐ์สามครั้ง แล้วรายงานตัวบอกว่า "กระผมมาจากเชียงรายครับ หลวงพ่อจำได้ไหม ผมชื่อวิโรจน์ครับ  ใครจะจำได้นักศึกษามีตั้งเป็นร้อย ๆ จึงบอกว่า จำได้คลับคล้ายคลับคลา เขาก็บอกว่า ผมเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อไงครับ  มานั่งเจริญสติปัฏฐาน 4 ยังไม่ครบ  อาตมาก็ถามว่า ทำไมรีบมาก่อนกำหนด เขาจะเข้ารับการอบรมกันในวันที่ 21 ตุลาคม นี่เพิ่งจะวันที่ 16 ตุลาคม เท่านั้นเอง เขาก็บอกว่า “ผมตายแล้วครับ” พอพูดขาดคำ “ผมตายแล้วครับ” 


     พระที่กำลังกวาดพื้นกันอยู่ก็วางไม้กวาดมานั่งทันที หลวงพ่อจรัลท่านก็ถามต่อไปว่ามาอย่างไร อาจารย์วิโรจน์ก็บอกว่า หลวงพ่อครับ ผมขอกราบเรียนถวาย ผมตั้งใจมั่นใจเลย มาครั้งแรกเมื่อปีที่แล้ว ผมเจริญกรรมฐาน ผมก็ซึ้งใจ แต่ยังไม่ได้ขั้นตอน คราวนี้จะมา 7 วัน 7 คืน อาจารย์สมเดช จะให้ผมเป็นวิทยากรควบคุมนักศึกษามาด้วย ก็พอดีผมไปรับแฟนนั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซด์ แล้วถูกรถยนต์ชนตายในวันนี้เอง  ผมจึงรีบมาก่อน กระเป๋าของผมอยู่นี่ไง ผมเอามาหมด หลวงพ่อถามว่า  เอาศพตั้งไว้ยังไง แฟนคุณอยู่ที่ไหน อาจารย์วิโรจน์กราบเรียนว่า “อยู่อีกวัดหนึ่งคนละตำบล คนละที่ ไม่ได้ตั้งรวมกันครับ” หลวงพ่อก็ถามอีกว่า “น่าจะอยู่ที่หีบศพ ทำไมถึงมาอยู่อย่างนี้” ไม่จริงหลวงพ่อ  ไม่จริง  อย่าเชื่อว่าอยู่ที่หีบศพเวลาจะสวดก็บอก เวลาจะกินข้าวก็บอก ไม่ใช่ทั้งนั้นแหละ จิตวิญญาณนี้มันถึงเลยนะครับ  พอตั้งศพเรียบร้อยวิญญาณก็มาถึงที่นี่ทันที หลวงพ่อเล่าให้ฟังว่า หลังจากซักถามกันครู่ใหญ่ อาจารย์วิโรจน์ก็บอกว่า อ่อนใจเหลือเกิน อยากจะพักผ่อน ท่านก็บอกให้ไปดูกุฏิข้างโบสถ์ ที่ไหนว่างก็พักได้เลย ก่อนจะลุกขึ้น อาจารย์วิโรจน์ได้ถามหลวงพ่อว่า นักศึกษาจะมาถึงวันที่ 21 ตุลาคม เวลา 5 โมงเย็น แต่อาจารย์วิโรจน์กราบเรียนท่านว่า นักศึกษาจะมาถึงประมาณสามทุ่มเพราะจะแวะเที่ยวดูเขื่อนที่จังหวัดตากกันก่อน แล้วอาจารย์วิโรจน์ก็ขอตัวไปพักผ่อน หลวงพ่อเล่าถึงตอนนี้ว่า “เขากราบอาตมาสามครั้ง ลุกขึ้นสะพายเป้ หิ้วกระเป๋าเดินออกไป พระปริญญาโท นอนเลย อาตมาก็ต้องนอนบ้าง ดูซิ  เดินลอยเหนือพรมประมาณ 1 นิ้ว  เท้าไม่ถึงพื้น  ที่น่าสังเกตก่อนนั้นคือ ตาคว่ำ แววตาไม่มี กัมมองพื้นอยู่เรื่อย" พอเดินออกไปแล้ว พระตามเกรียวออกไปก็หายตรงวิหารหลวงพ่อโต ผลสุดท้ายพระก็วิ่งตามออกไปดู เปิดกุฏิดูหมดเลย แม่ชีแตกตื่น ไปเปิดดูหมด ก็ไม่มี ไม่มีกระเป๋า ไม่มีเป้” ครั้นวันที่ 21 ตุลาคม อันตรงกับวันที่นักศึกษาจะมาพอเวลา  6 โมงเย็น ไฟฟ้าในวัดดับหมด ที่อื่นไม่ดับ ดับที่วัดอัมพวันที่เดียว ตอนนั้นสุนัขในวัดนี้ไม่มีเลย แต่ค่ำวันนั้นไม่รู้มาจากไหน หอนคืนยันรุ่ง"  อาตมาให้พระเอาเทียนไปจุดตามห้องน้ำห้องส้วม ใช้เทียนไข เพราะไฟฟ้าไม่ติด ไม่รู้จะทำอย่างไร นักศึกษามาถึงดึกกว่ากำหนดการ เสียงรถแป๊ด ๆ ตรงตามผีบอก  เราสู้ผีไม่ได้ เมื่อเข้ามาถึงก็บอกให้อาบน้ำก่อน เดี๋ยวค่อยทานข้าว พวกเขาบอก หิวจังเลย ถ้าหิวก็ทานกันก่อน “พอทานอาหารเสร็จ อาบน้ำเรียบร้อย อาตมาเรียกคณะอาจารย์มาประชุม มีอาจารย์สมเดช มุงเมือง กับ อาจารย์หญิง อีก 3 คน พระปริญญาโทก็ทำการนำบันทึกที่ได้บันทึกไว้ออกมาอ่านให้ฟัง คณะอาจารย์น้ำตาร่วงเป็นแถว แต่อาจารย์สมเดชบอกว่า หลวงพ่อครับ พอเปิดอบรมแล้ว ผมขอฝากนักศึกษาไว้ด้วย ผมจะไปงานฌาปนกิจศพของอาจารย์ วิโรจน์ในวันที่ 13 นี้ อาตมาเลยให้เอาบันทึกไปพิมพ์แจกในงานศพ เพราะเรารู้เรื่องขึ้นมาก่อน ไม่ใช่ว่าเขาเล่าให้ฟัง แล้วเราเล่าตามเขา มันเกิดมหัศจรรย์อย่างนี้ การตายของอาจารย์วิโรจน์นั้นเนื่องจากเขาได้ศึกษาและปฏิบัติธรรมมาแล้ว สติเขาจึงดี อาตมาถามเขาว่า "ปวดมากไหม" เขาบอกว่า "หลวงพ่อ แวบเดียว ผมไม่รู้เรื่องเลย แล้วผมก็ยืนอยู่ไปพูดกับใครเขา เขาก็ไม่พูดด้วย เขาไม่เห็นผม" "อย่าลืมนะคนละภพคนละชาติ อยู่ไหนละ อยู่ที่เรานี่แหละ ว่าง ๆ นั่งกันเต็มหมดแหละ  จะรู้หรือมันคนละภพไม่ใช่สวรรค์อยู่บนฟ้า นรกอยู่บนดิน อยู่รวมกับพวกเรานี่แหละ เราไม่ทราบนะ ญาติโยมโปรดจำไว้ด้วย"

---สาธุ---



ขอขอบคุณข้อมูลจาก คุณ chaokhun สมาชิก http://board.palungjit.org/

Share on Google Plus

About Chanachai

This is a short description in the author block about the author. You edit it by entering text in the "Biographical Info" field in the user admin panel.
    Blogger Comment
    Facebook Comment

0 ความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น