สาริกาลิ้นทอง สุดยอดของขลัง เมตตามหานิยม เจรจาพูดคุยมีแต่คนเชื่อถือ
วิธีการใช้งาน สาริกาลิ้นทอง คือ ต้องท่อง นะโน 3 จบ ( เพื่อนมัสการพระพุทธเจ้า)
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
เริ่มคาถาบริกรรม สาริกาลิ้นทอง
พุทธาอะเนนามะลิยาสุสังคะเยมิ
พุทธาอิริมะลิยาสุสังคะเยมิ
พุทธาอิริปะโยเคมะคุณนะปักเขสะเมมะมิ
อุนนาโลมาปันนะวิชายะเต
ชิวหาลาภัง สัจจังลึ ฤทธิ์ทุตา
ชิวหาลาภัง สัจจังลึ ฤทธิ์ตะถิ
ชิวหาลาภัง สัจจังลึ ฤทธิ์ยัมปิ
โอมสวาหะ
---จบ---
สาริกาลิ้นทอง เป็นอีกหนึ่งความเชื่อเครื่องรางของขลัง ที่ได้รับความนิยมมาตั้งแต่สมัยโบราณ โดยเชื่อกันว่า เป็นเทพผู้มีความศักดิ์สิทธิ์ ทางด้านความมีเสน่ห์ เมตตามหานิยม โชคลาภ เจรจาพูดคุยมีแต่คนเชื่อถือ หากผู้ใดมีไว้สักการะบูชา ก็จะเป็นสิริมงคลแก่คนผู้นั้น ด้วยเหตุนี้ นักเจรจาธุรกิจ แม่ค้า พ่อค้า และ คนทั่วทั่วไปจึงนิยมพก สาริกาลิ้นทอง ติดตัว แต่การใช้ สาริกาลิ้นทองก็ยังมีข้อห้าม รวมไปถึง ข้อปฏิบัติสำรับผู้ที่พกสาริกาลิ้นทอง ดังนี้คือ 1. ห้ามด่าพ่อแม่ 2. ห้ามด่าครูบาอาจารย์ และ ผู้มีพระคุณ 3. ห้ามคนเล่นศรีษะ 4. ห้ามลอดใต้ราวผ้า 5. ห้ามทานอาหารเหลือจากผู้อื่น (แต่สามารถทานร่วมกับผู้อื่นได้) 6.ห้ามดื่มน้ำร่วมแก้วกับผู้อื่น 7. ห้ามกินของเครื่องเซ่นไหว้ ของแจกทานและของในงานศพ 8. ห้ามด่าแช่งใคร 9.ห้ามใส่ร้ายใคร และ สุดท้าย 10. ห้ามบ้วนน้ำลายตัวเองลงในโถส้วมเด็ดขาด อันนี้เป็นข้อห้ามทั้ง 10 อย่างเพื่อทำให้สาริกาลิ้นทอง เกิดความขลังมากยิ่งขึ้น ซึ่งข้อห้ามทั้งหมดเกิดขึ้นบนพื้นฐานของ การทำความดี
**แชร์ประสบการณ์เกี่ยวกับ ความขลังของ สาริกาลิ้นทอง**
ลุงศร ได้ถ่ายทอดประสบการณ์ที่เกิดขึ้นมาแล้วให้ฟังว่า สมัยที่ ลุงศรเป็นหนุ่ม จะมีคู่แข่งรุ่นเดียวกันหลายคน และ ไป ไหนมาไหนด้วยกันเป็นกลุ่มเป็นก้อนเสมอ ในกลุ่มนั้นมีเพื่อนชื่อธงเป็นคนหน้าตาดีจึงได้เปรียบคนอื่นรวมทั้งลุงศรด้วย เวลาไปจีบสาว ๆ จะเสียเปรียบ เพราะสาว ๆ มักจะชอบเพื่อนชื่อธง กลายเป็นว่าพวกแกเป็นหมูรองบ่อนแพ้เพื่อนคนนี้กราวรูดเรื่องจีบผู้หญิง ลุงศรจึงคุยกับเพื่อนว่าต่อไปนี้เวลาจะไปเที่ยวงานที่ไหนจะไม่ชวนเจ้าธงไปด้วย ทุกคนจึงเห็นพ้องต้องกันลงมติตามนี้ จากนั้นมาพวกแกไปเที่ยวงานไหน จะไม่มีเจ้าธงตามไปเป็นก้างขวางคอเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว ทำให้พอมีหวังทุกครั้งที่ไปจีบสาว ๆ
เพราะไม่มีเจ้าธงเพื่อนหน้าตาดีนั่นเอง เมื่อเจ้าธงรู้ว่าพวกลุงศร กีดกันเรื่องจีบผู้หญิง จึงได้ตัดสินใจมีเมียเสียเพื่อจะได้ไม่เสียเพื่อน ท่ามกลางความโล่งใจของพวกเพื่อนแกที่หมดเจ้าธงปีกคน แต่ก็อีกนั่นแหละยังมีมารตามผจญอีก มีลูกชายกำนันอีกคนที่คอยมาจีบสาวหน้าตาดีในหมู่บ้าน แม้ว่าเจ้าทองลูกชายกำนันหน้าตาจะไม่หล่อเหมือนเจ้าธง แต่ว่าฐานะทางบ้านของเจ้าทองรวย ทำให้มันได้เปรียบคนอื่นตรงนี้ มีหรือที่ผู้หญิงจะไม่ชอบคนรวยอย่างเจ้าทอง พวกลุงศร และ เพื่อน ๆ พากันหนักอกหนักใจอีก ไม่คิดว่าจะหนีเสือมาปะจระเข้ ไปจีบผู้หญิงคนไหนมักจะได้ยินสาว ๆ พูดกระแนะกระแหนมีเงินเป็นถังพอเลี้ยงเธอให้อยู่สุขสบายได้เหมือนเจ้าทอง หรือเปล่า พวกแกได้ฟังพวกเธอพูดแล้วมันจักกระจี้หูได้แต่สายหน้าไปมายอมรับความจริง ผู้หญิงพูดอย่างนี้เห็นแก่เงิน ถอยห่างออกมาดีกว่า จึงเปิดโอกาสให้กับเจ้าทองเข้ามาเสียบ และ มีผู้หญิงหลายคนที่ถูกเจ้าทองแอบเจาะไข่แดง หลอกว่าจะแต่งงานด้วย ยกให้เป็นเมียหลวง แต่แล้วก็เงียบไป ส่วนฝ่ายหญิงผู้เสียหาหลายคนทำอะไรไม่ได้เพราะกลัวบารมีของกำนันได้แต่เก็บ ความช้ำไว้ในทรวง พูดไปไม่มีประโยชน์รังแต่จะอายชาวบ้านเขาเปล่า ๆ มีเพื่อนแกหลายคนที่ไม่รู้ว่าเจ้าทองได้แอบเจาะไข่แดงหญิงสาวแล้ว ไปขอแต่งงานกินอยู่กันฉันสามี ภรรยา เพราะเรื่องนี้จะรู้กัน 2 คน ระหว่างเจ้าทอง และ ฝ่ายหญิงเท่านั้น เมื่อลุงศรเจอคู่แข่งเป็นลูกชายกำนันผู้ทรงอิทธิพลในตำบลนั้น แกจึงต้องหาวิธีหนามยอกเอาหนามบ่ง แกได้พยายามสืบเสาะหาพระเกจิหรือหมอคุณไสยที่มีความเชี่ยวชาญชำนาญทางด้านคาถาอาคมและไสยศาสตร์ มีผู้เรืองอาคมเหมือนกันแต่ก็ยังไม่แก่กล้าพอจะพึ่งพาได้ เมื่อไม่มีตัวช่วงลุงศรแกก็จนใจ จึงล้มเลิกความตั้งใจนี้ แต่บางครั้งในความโชคร้ายก็มักจะมีความโชคดีแฝงอยู่ วันหนึ่งแกได้ต้อนควายออกไปเลี้ยงเหมือนทุกวันที่เคยทำมา และได้เตรียมอาหารเที่ยงไว้กิน ฝูงวัวและฝูงควาย ทั้งของลุงศร และ เพื่อนบ้าน มีจำนวนหลายร้อยตัวเดินเล็มกินหญ้าอยู่กลางทุ่งนา ตอนนั้นเวลาประมาณ 11 โมงเช้าอยู่ ๆ ก็มีพระธุดงค์รูปหนึ่งเดินมาพักอยู่ใต้ร่มต้นหว้าใหญ่ พวกลุงศร จึงรุดเข้าไปกราบนมัสการ พระคุณเจ้า พร้อมกับทั้งถวายภัตตาหารให้ท่านฉันมื้อเพลด้วย ท่านเห็นว่าแม้จะเป็นเด็กเลี้ยงควาย แต่ยังมีน้ำใจถวายอาหารที่พวกเขาเตรียมมาไว้กินมื้อเที่ยงให้ท่านฉัน จึงตอบแทนด้วยการให้ของขลังของดีแก่ พวกลุงศร และมีพิเศษเฉพาะลุงศรด้วยการลงนะสาริกาลิ้นทอง พร้อมกับบริกรรมคาถาประจุให้แกอีกด้วย พร้อมกับอวยพรให้โชคแก่พวกแกครบถ้วนทุกคน ก่อนที่ท่านจะเดินธุดงค์ต่อไปที่อื่น ลุงศรบอกว่าไม่น่าเชื่อที่สาริกาที่หลวงพ่อธุดงค์ให้นั้นจะขลัง เวลาที่ไปคุยกับหญิงรายไหน รายนั้นไม่มีคำว่าผิดหวัง แม้กระทั่งผู้หญิงคนที่เจ้าทองลูกชายกำนันจีบอยู่ยังมาชอบลุงศร จนเกือยจะเกิดเรื่องยิงกันตาย เพราะเจ้าทองไม่พอใจที่ลุงศรไปจีบผู้หญิงที่เขาชอบอยู่นั่นเอง นอกจากผู้หญิงจะนิยมชมชอบลุงศรแล้ว ใคร ๆ ที่แกคุยด้วยก็มักจะเป็นมิตรและชอบแกด้วย จะมีก็แต่เจ้าทอง ลูกชายกำนันคนเดียวที่เห็นว่าลุงศรเป็นศัตรู เจอหน้ากันเมื่อไหร่ เหมือน เห็นยักษ์เห็นผีร่ำ ๆ จะชกปากกันทุกครั้งไป ลุงศรบอกแกไม่เคยกลัวเจ้าทองเลย จะชกปากกันเมื่อไหร่ก็ไม่มีปัญหาเพราะพ่อแกเคยฝึกมวยไทยให้แกแล้ว ลุงศรยอมรับว่าแกมีเสน่ห์กับทุกเพศทุกวัย ไม่น่าเชื่อว่าสลิกาลิ้นทอง ที่หลวงพ่อพระธุดงค์ ที่ลงให้ครั้งนั้น จะศักดิ์สิทธิ์และขลัง จากที่เมื่อก่อนไปพูดคุยกับใคร มักจะมีคนดูถูกดูแคลน ไม่อยากจะพูด จะคุยด้วย เห็นลุงศรเหมือนตัวประหลาดยังไงชอบกล ครั้นพอลงสาริกาลิ้นทอง นะเมตตามีแต่คนรักคนชอบ โดยเฉพาะผู้หญิงเพศตรงข้ามหลายคน ทอดสะพานให้แก จนเพื่อน ๆ พากันอิจฉาลุงศรที่มีผู้หญิงมาชอบ ครั้นเมื่อลุงศรได้บวชเป็นพระจำวัดได้ 1 พรรษา แกได้ลาสิกขามาช่วยพ่อกับแม่ทำนา และ ต่อมาปีเศษแกก็ได้แต่งงานกับผู้หญิงคนหนึ่งในหมู่บ้าน มาเป็นเมีย และมีลูกด้วยกัน 4 คน เป็นโซ่คล้องคอของสายใยครอบครัวแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น แม้แกจะมีเมีย มีลูกแล้ว ก็ยังมีผู้หญิงทั้งเป็นโสด แม่หม้าย และ มีสามีแล้วเข้ามาชอบแก แต่ลุงศรแกไม่เล่นด้วยกลัวตายไป ตกนรกต้องปีนต้นงิ้ว จึงได้บอกปฏิเสธพวกเธอไป บอกว่ามีลูกมีเมียแล้วไม่ต้องมายุ่ง ต่างคนต่างอยู่กันเถอะสาวเจ้าทั้งหลาย นี่เป็นประสบการณ์ความเชื่อและความศัทธาต่อการลงนะ สาริกาลิ้นทองของพระคุณเจ้าพระธุดงค์.
---สาธุ---



0 ความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น