ชูชก


ชูชก


วิธีการใช้งาน ชูชก  คือ ต้องท่อง นะโน 3 จบ ( เพื่อนมัสการพระพุทธเจ้า)


นะโมตัสสะ  ภะคะวะโต  อะระหะโต  สัมมาสัมพุทธัสสะ

นะโมตัสสะ  ภะคะวะโต  อะระหะโต  สัมมาสัมพุทธัสสะ

นะโมตัสสะ  ภะคะวะโต  อะระหะโต  สัมมาสัมพุทธัสสะ



เริ่มคาถาบริกรรม ชูชก

พุทธังพามาเงิน  ธัมมังพามาทองคำ  สังฆังพามาของ
เอหิ  เอหิ  จงมานะ  มาจงมา  อาคัจฉายะ  อาคัจหิ
มานิมามา 

---จบ---




เรื่องเล่าตำนาน ชูชก

           ชูชก เป็นพราหมณ์อยู่ในเมือง กลิงคราษฎร์  ชูชก เที่ยวท่องขอทานไปทั่ว และ ด้วยมีนิสัยประหยัด มัธยัสถ์  รู้จักอดออม เงินที่ขอเขามาได้ก็จะเก็บเอาไว้มากมาย เข้าขั้นเป็นเศรษฐี เลยทีเดียว แต่ชูชกนำทรัพย์สินที่ได้ไปฝากเพื่อนพราหมณ์ไว้ เพื่อช่วยเก็บรักษา  ครั้นพอเมื่อกลับไปทวงถามเพื่อนพราหมณ์เรื่องทรัพย์สิน  ปรากฎว่าเพื่อนได้ใช้เงินและทรัพย์สินของชูชก ไปหมดแล้ว เพื่อนพราหมณ์จึงยก


ลูกสาวให้ คือ นางอมิตดา วัยแรกรุ่นสวยงามให้มาแทน แต่ทั้งที่ ชูชก มีรูปร่างอุบาทว์อัปลักษณ์ นางอมิตดาก็ยังขยันปรนนิบัติ ชูชก ซึ่งเป็นสามีอย่างดี นางอมิตดาตักน้ำ ตำข้าว หุงหาอาหาร ดูแลบ้านเรือน ให้ไม่มีขาดตกบกพร่อง  และมีความประพฤติที่ดีเพียบพร้อมของ นางอมิตดา ทำให้เป็นที่สรรเสริญของบรรดา พราหมณ์ ทั้งหลายในหมู่บ้านนั้น  และ ในไม่ช้า บรรดาพราหมณ์ เหล่านั้นก็ได้ พากันตำหนิ ติเตียน ภรรยาของตนที่มิได้ประพฤติตนเป็น แม่บ้านแม่เรือนอย่าง นางอมิตดา ทำให้พวกภรรยาพราหมณ์เกิดความ อิจฉาริษยามาก คอยด่าทอนางอมิตดาอยู่ทุกวี่ทุกวัน
          นางอมิตดามา จึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ชูชกฟัง ชูชกจึงบอกว่าต่อไปนี้นางไม่ต้องทำการงานสิ่งใดแล้ว ชูชกจะเป็นฝ่ายทำให้ทุกอย่างเอง   นางอมิตดาจึงว่า “ภรรยาที่ดีจะทำเช่นนั้นได้อย่างไร จะปล่อยให้สามีมาปรนนิบัติรับใช้ เราทำไม่ได้หรอก ลูกหญิงที่พ่อแม่อบรมสั่งสอนมาดี ย่อมจะไม่นั่งนอนอยู่เฉย ๆ ดีแต่ชี้นิ้วให้ผู้อื่นปรนนิบัติตน นี่แน่ะ ชูชก ถ้าท่านรักเราจริง ท่านจงไปหาบริวารมาปรนนิบัติรับใช้เราดีกว่า”
           เมื่อชูชกได้ฟังดังนั้นก็อัดอั้นตันใจ ไม่รู้จะไปหาข้าทาส ชาย หญิง มาจากที่ไหน นางอมิตดา จึงแนะนำว่า “ขณะนี้ พระเวสสันดร เสด็จออกมาจากเมืองสีพี มาทรงบำเพ็ญพรต อยู่ในป่า พระองค์เป็นผู้ใฝ่ใน การบริจาคทานท่านจงเดินทางไป ขอบริจาคพระชาลี กัณหา โอรสธิดาของพระเวสสันดรมาเป็นข้าทาสของเราเถิด ” 
   ชูชกจึงได้เดินทางไปทูลขอ พระโอรสธิดา เพื่อเป็นข้าทาสของตน พระเวสสันดร ทรงมีพระทัยยินดีที่จะทรงกระทำกับบุตรทาน  คือ การบริจาคบุตรเป็นทานเพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่น


     เมื่อ ชูชก ได้ตัว พระชาลี กัณหา แล้วในระหว่างเดินทางกลับบ้าน บังเอิญเดินทางผ่านไปหน้าที่ประทับพระเจ้าสญชัย พระองค์ทรงทอด พระเนตรเห็น พระนัดดาทั้งสอง (พระชาลี กัณหา) ก็ทรงจำได้ จึงให้ทหารเสนาไปพา ชูชก มาเข้าเฝ้า  ชูชกจึงทูลว่า พระเวสสันดรทรง ให้ พระชาลี กัณหา เป็นข้าทาสของตนแล้ว


      เมื่อ พระเจ้าสญชัย ได้สดับฟังแล้ว ก็โปรดให้เบิกสมบัติท้องพระคลังมา ไถ่ตัว พระนัดดา จากชูชก และโปรดให้จัดข้าวปลาอาหารมา


เลี้ยงดูชูชก อย่างเลิสหรู  ชูชก พราหมณ์เฒ่าขอทาน ไม่เคยได้กินอาหารดี ๆ ก็ไม่รู้จักยับยั้ง การกินของตนเอง กินมากจนท้องตัวเองรับไม่ไหว จนจุกท้องแตกตาย ในที่สุด .

***Credit@ anbsatun.ac.th***



การปลุกเสกสร้างของชลัง ชูชก
      ในการปลุกเสกสร้างชูชกขึ้นมานั้น ไม่ใช่การใช้พลังงานของชูชก  แต่เป็นการนำรูปลักษณ์ของชูชก มาโน้มไปถึงพลังงานของการสร้างมหาทานบารมีของ พระเวสสันดร นั่นคือ โน้มไปว่า เพราะมีชูชกที่มาขอ พระเวสสันดรจึงมีโอกาสทำ มหาทาน ครั้งสำคัญ คือ การบริจาคลูก และ ภรรยา ซึ่งถือเป็นการให้ทานขั้นสูงสุด เพราะบุตรและภรรยาย่อมป็นสมบัติที่ทุกคนหวงแหนมากที่สุด และ จากมหาทานครั้งนี้เอง จึงทำให้บุญบารมีของพระเวสสันดรเต็มเปี่ยม จนได้มาบรรลุ พระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ เป็นพระพุทธเจ้าในที่สุด เพราะฉะนั้น รูปลักษณ์ของชูชกจึงเป็นตัวแทนพลังงานแห่งมหาทานบารมีของพระเวสสันดร ซึ่งการให้ทานนี้ เป็นบุญกุศลที่ส่งผลต่อความเจริญในทางโชคลาภสมบัติเงินทองโดยตรง อีกทั้งมหาทานนี้ยังเป็นสิ่งที่พระพุทธองค์ได้ทรงกระทำไว้เองในอดีต จึงสามารถโน้มกระแสพลังงานไปสู่พลังานประธานสูงสุด คือ พลังงานแห่งพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ได้ง่ายและนำความศักดิ์สิทธิ์จากพลังงานสูงสุดนี้โน้มลงมาประสิทธิ์ปลุกเสกให้เกิดความศักดิ์สิทธิ์ทางเมตาโชคลาภเงินทองอย่างสูงสุดผ่านทางรูปลักษณ์ของชูชกได้ เพราะฉะนั้น ถ้าจะใช้ชูชกต้องดูให้ดีด้วยว่า ผู้สร้างเข้าใจวิธีการสร้างชูชกอย่างแท้จริงไหม และผู้ใช้รู้วิธีการนำชูชกมาใช้อย่างถูกต้องหรือไม่ คือ เวลาใช้อย่ากำหนดขอพลังงานจากชูชก เพราะชูชกยังเป็นพระเทวทัต ยังอยู่ในอเวจีมหานรก ไม่มีพลังงานใดจะมอบให้ได้นอกจากความเศร้าหมองเสื่อมราศีแต่ผู้ใช้ต้องนำชูชกมาเป็นสัญลักษณ์โน้มไปถึงมหาทานบารมีของพระเวสสันดร และโน้มต่อไปว่าเราจะไม่ทำความชั่วแบบชูชกและพระเทวทัต เราจะหมั่นทำบุญสร้างกุศลเหมือนดังพระเวสสันดร และด้วยบุญกุศลความดีนั้นเอง ที่จะช่วยสนับสนุนให้เรามีเงินทองเหลือกินเหลือใช้ ไปที่ไหน ขออะไรก็มีแต่คนรักใคร่เมตาช่วยเหลือ
***Credit@หนังสือตอบโจทย์พระเครื่องรู้เรื่องของขลัง โดย ดร.รอบทิศ ไวยสุศรี แฟนพันธุ์แท้ พระเกจิคณาจารย์ 2006***





**แชร์ประสบการณ์เกี่ยวกับ ความขลังของ ชูชก**

         ลุงชิด แกเป็นผู้ที่เชื่อในเรื่องของความศักดิ์สิทธิ์ความขลัง ของชูชก แกได้เปิดเผยประสบการ์ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตให้ฟังว่า  วันหนึ่งแกขับรถไปทำธุระกับเมียที่ต่างจังหวัด การขับรถต่างจังหวัดแกจะไม่ค่อยคุ้ยเคยกับเส้นทางเท่าไรนัก  แต่ก็อาศัยประสบการณ์การขับรถที่มีมานานช่วยได้มาก และ ได้นอนค้างคืนที่ต่างจังหวัดอยู่ 3 คืน เมื่อทำธุระเสร็จแกจึงได้เดินทางกลับ ระหว่างขับรถมาตามทาง ไม่รู้มีอะไรดลใจแกอยากจะทำบุญขึ้นมา แกจึงมองหาวัดที่อยู่ใกล้ถนน จะได้สะดวกในการเข้าออกได้ง่าย แต่น่าเสียดาย ละแวกนั้นไม่มีวัดที่ว่านี้เลย กระทั่งแกขับมาเรื่อย ๆ เห็นป้ายเขียนชื่อสำนักสงฆ์ ยังไม่ได้เป็นวัด จึงตัดสินใจเลี้ยวรถเข้าไป คิดว่าสำนักสงฆ์แห่งนี้คงอยู่ไม่ไกล ที่ไหนได้ยิ่งขับรถเข้าไปยิ่งลึกยังไม่ปรากฏ สำนักสงฆ์นั้นเลย ครั้นจะเปลี่ยนใจกลับรถมันก็เสียดายขับมาตั้งไกลแล้ว แกจึงขับรถไปตามดินลูกรังเรื่อย ๆ และจะต้องเลี้ยวรถหลายครั้งก็ตาม ป้ายที่ตั้งไว้บอกเส้นทางไปสำนักสงฆ์ ในใจลุงชิดคิดว่า “จะทำบุญทั้งทีทำไมลำบากจัง กว่าจะได้บุญ”  
    ลุงชิดเล่าว่า แกขับรถจากถนนใหญ่เข้ามาที่สำนักสงฆ์ หลาย 10 กิโลกว่า จะถึงสำนักสงฆ์ ที่ตั้งมานานหลายปีมีพระจำพรรษาอยู่ 3 รูป  พระไทย 1 รูป พระลาว 1 รูป และ พระเขมร 1 รูป  พระทั้ง 3 รูป กำลังสนทนาธรรมกันอยู่กับญาติโยมที่อยู่ลานดิน ลุงชิดจึงแจ้ง         วัตถุประสงค์ที่มาสำนักสงฆ์ ให้พระคุณเจ้าที่เป็นผู้อาวุโส (พระไทย) ทราบ พร้อมกับทั้งถวายปัจจัยให้ท่านนำไปทำศาสนะกิจของสงฆ์ตามต้องการ  พระเขมรที่นั่งอยู่ข้าง ๆ พระอาวุโส ล้วงย่ามหยิบเอาวัตถุสีดำชิ้นหนึ่งออกมา แล้วยกขึ้นจรดริมฝีปาก ท่านหลับตาพร้อมกับบริกรรมคาถาเป่าลมปราณลงในกำมือ  3 ครั้ง ก่อนจะยื่น ชูชก ให้ลุงชิด “โยมเอาชูชกไปบูชานะ เขาจะให้โชคลาภแก่โยม” และท่านได้เขียนคาถาอาคมเป็นภาษาไทย ทั้งที่ท่านเป็นพระเขมรไม่น่าเชื่อว่าท่านจะเขียนภาษาไทยเป็น ท่านเขียนคาถาอาคมสำหรับใช้บริกรรมปะจุ ชูชก เสร็จก็ยื่นแผ่นกระดาษนั้นให้ วันนั้นลุงชิดอยู่สำนักสงฆ์แห่งนี้จนถึงบ่าย ก่อนที่จะนมัสการกราบลาพระคุณเจ้าทั้ง 3 รูป เพื่อเดินทางกลับบ้าน
       ลุงชิดเล่าว่า หลังจากที่ได้บูชาชูชกมา ปรากฏว่าแกทำอะไรก็ราบรื่น เงินทอง ไหลมาเทมา ทำให้ธุรกิจที่ทำอยู่เจริญก้าวหน้าขึ้นมากกว่าเมื่อก่อน และ ทุกวันนี้ลุงชิดจะบูชา ชูชก ด้วยการถวายอาหาร ผลไม้ และ เครื่องดื่ม ให้ชูชก ลงชิดแกเชื่อว่า ชูชก ตนนี้คงจะช่วยให้แกมีฐานะและกิจการที่ดีขึ้น .




---สาธุ---




Share on Google Plus

About Chanachai

This is a short description in the author block about the author. You edit it by entering text in the "Biographical Info" field in the user admin panel.
    Blogger Comment
    Facebook Comment

0 ความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น