วันที่ผมเงินเดือนเกิน 200,000 ครั้งแรกในชีวิต



         ในวันที่ผมเงินเดือนเกิน 200,000 บาท ครั้งแรกในชีวิต เป็นเรื่องราวของการแชร์ประสบการณ์ชีวิตของมนุษย์เงินเดือนที่ต้องทำงานในบริษัทเกี่ยวกับ Sale IT ที่มีเรื่องราวน่าสนใจในการต่อสู้และกระตือลือล้นในการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้มีความก้าวหน้าในสายอาชีพของการทำงานจนประสบความสำเร็จ เมื่ออายุ 43 ปี ได้ทำงานในตำแหน่ง ผู้จัดการฝ่ายขาย เงินเดือน 200,000 Up ไม่รวมสวัสดิการณ์อื่น ๆ  เรื่องราวดังกล่าวเป็นการแชร์ข้อมูลประสบการณ์ของสมาชิกชื่อ the blazer จากเว็บไซต์ pantip.com ซึ่งเพื่อน ๆ สามารถอ่านเรื่องราวการพัฒนาตัวเองจนสามารถได้เงินเดือน 200,000 บาท ต่อเดือนจากด้านล่างนี้




    เข้าเรื่องเลยดีกว่าครับ ผมอายุ 43 ปีแล้วทำงานเป็น ผจก.ฝ่ายขายประจำประเทศไทย บริษัทชั้นนำของโลกแห่งหนึ่ง ถ้าตามนี้คงนึกออกว่าเป็นบริษัท vendor ไม่มีออฟฟิสในเมืองไทย achieved 100% เกินสามแสน (มีอีกหลายคนที่อยู่ใน ฟิลนี้ มีรายได้เยอะกว่านี้นะครับ)  การทำงานค่อนข้างอิสระ เจ้านายอยู่สิงคโปร์ (ส่วนใหญ่ก็สิงคโปร์ทั้งนั้น) พวกนี้หลายคนก็เก่ง ช่วยเหลือ เป็นเจ้านายที่ดี บางคนก็ Chasing เอาตัวเลขอย่างเดียว ปัญหา You (ยู) แก้เอง I (ไอ) ไม่เกี่ยว I (ไอ)เอาตัวเองรอดจากนายที่ US เป็นควอเตอร์ ๆ จวนตัวสั่นก็พอ Preload คุ้น ๆ มะ 555  เรื่องเงินและรายได้ที่เป็นตัวเงินไม่ได้เป็นประเด็นหลัก แต่ผมอยากแชร์แง่คิดในการทำงานมากกว่า  เงินที่มากกว่าเดิมหรือว่ามากขึ้นไม่ได้เป็นเครื่อง ยืนยันว่าเรามีความสุขหรือว่าเราเก่งขึ้น เงินเดือนเยอะไม่ใช่ความสุขเยอะ เปลี่ยนงานได้เงินเยอะขึ้นไม่ใช่เก่งขึ้น พวกที่เปลี่ยนงานเรื่อย ๆ เอาเงินเดือนขึ้นแต่ไม่เก่งขึ้น  ถึงจุดนึงต้องเปลี่ยนฟิวครับ  เพราะสมัยนี้จะรับคนเนี้ยเช็คตรวจสอบกันกระจาย Bad Record (ประวัติไม่ดีมีมลทิน) ทีนี้เม้าส์กันเละนะครับ แต่งโปรไฟล์ใน CV หรือ Linkedin เจ๋ง ๆ บวกให้คน Referrence ดี ๆ ไม่พอนะ เค้าเช็คกันเยอะกว่านั้น จะทำยังไงเราถึงจะได้เงินเยอะไปนาน ๆ  มีความสุข มีสุขภาพที่ดี มีเพื่อนร่วมงานที่ดี และมีเจ้านายที่ดี (เรื่องเจ้านายที่ดีนี่ต้องคุยกันยาว) ถ้าได้ตามนี้ ชีวิตดี๊ ดี เนอะ ผมเล่า millstone ชีวิตการทำงานผมให้ฟัง แล้วจะสอดแง่คิดไปด้วยแล้วกัน (ไม่เห็นด้วยไม่ต้องมาเถียงนะเพราะมันเป็นความเห็นส่วนตัว) เอากันตั้งแต่ตอนเด็กเลยดีกว่า ครอบครัวแตกแยกครับ มีแม่รับราชการเลี้ยงลูกสามคน แม่ต้องสอนหนังสือพิเศษหลายที่ ผมช่วยแม่ทุกอย่างเท่าที่ ทำได้ตั้งแต่ช่วยยกของขึ้นรถเมล์ (แม่เอาของมาขาย) ที่โรงเรียนที่แม่สอน ขายผลไม้ด้วยนะ ทำรถรับ - ส่งนักเรียน แม่ขับเอง ตรงนี้เองครับผมถึงเริ่มทำงานเร็ว จบสายพานิชย์ ปวช. มาก็ทำงานเลย แล้วถึงเรียนภาคค่ำต่อ ปวส. คอมพิวเตอร์ธุรกิจ และต่อปริญญาตรี สาย คอม ผมเป็นคนหัวดีคนนึงครับแต่ขี้เกียจ ชอบเตะบอล ดูดบุหรี่ตั้งแต่อายุ 15 ปี กินเหล้าเป็น เป็นคนเกเรคนนึงเลย แต่ยังรักดีอยากให้แม่สบาย ช่วงนั้นไม่มีอะไรน่าสนใจมากนัก แต่มีเรื่องนึงคือผมชอบภาษาอังกฤษ  นิสัยส่วนตัวคือ มีความคิดเป็นของตัวเอง ชอบลองผิดลองถูก เรียนจบป.ตรีตอนอายุ 28 ปี จบ IT ครับ อยากเป็น programmer ได้ไปอยู่ Bank แห่งนึงทำพวก Data Operator มีเขียนโปรแกรมบ้างเล็กน้อย ใช้คอมต้องโหลด DOS อะ เงินเดือน 14,000 + ค่าวิชา 4,000  แถมมี OT ด้วยนะรายได้เกือบ 20,000 เกือบ 20 ปีก่อน มัน ซิครับมีเพื่อนเป็นแก๊งค์เลย คน Bank เหมือนกัน เละเทะเลยทีนี้ ติดบัตร เที่ยวเล้าน์ เล่นบอล เบื่อ ลาออก เปลี่ยนงานไปเป็น Sale IT และออกไปทำกิจการส่วนตัว เจ๊งมีหนี้เกือบ 2 ล้าน ช่วงชีวิตนี้มี Highligh ที่น่าสนใจอยู่ครับ



  ผมยอมลดเงินเดือนตอนมาเริ่มทำ Sales IT ครั้งแรก เงินเดือน 12,000 + ค่าเดินทาง 4,000 เพราะอยากลองทำ Sales ดู ใครที่ไม่รู้ตัวเอง หาสิ่งที่ตัวเองชอบงานที่ตัวเองชอบให้เจอ อย่าไปติดกับเรื่องเงิน มีเหรอไม่มีประสบการณ์ เปลี่ยนฟิวมาเค้าจะให้เงินเดือนเยอะเท่าเดิมหรือมากกว่าเดิม  พวกที่บ่นเบื่อแล้วก็ทนทำไปนาน ๆ เข้ามีภาระ ผ่อนรถ ผ่อนบ้าน มีครอบครัว มีน้อง ก็เปลี่ยนงานไม่ได้อีก แล้วก็ทนทำไป พออายุเยอะด้วยความที่เบื่อ ก็ไม่มีประสิทธิภาพ ไม่เรียนรู้ โดน layoff (ปลดออกจากงาน) สรุปนะครับ หาตัวเองให้เจอ หางานที่เราชอบ งานต้องอยู่กับเราไปอีกหลายปี ทำงานให้สนุก มีความสุขกับมัน เดี๋ยวเงินก็ตามมาเอง เพราะฉะนั้นถ้าคุณอายุยังน้อย อย่ากลัวที่จะเปลี่ยนงาน ให้ศึกษา หาข้อมูล ถามพี่ ๆ ที่มีประสบการณ์ ลองทำดูซักหกเดือนปีนึง ไม่ OK ก็เปลี่ยนงาน ไม่ต้องไปสนใจว่าเดี๋ยว Profile ดูไม่ดีเปลี่ยนงานบ่อย หาตัวเองให้เจอว่าชอบอะไร สนใจอะไรสำคัญกว่า ผมหาเจอว่าอยากทำงาน Sales นี่แหละขาย IT เพราะเรียนมา แล้วก็ต่อยอดหาความรู้เพิ่มเติม อ่านหนังสือ เรียนรู้ product ซนไปเรื่อย ผมลองงานที่ผมสนใจรวมถึงลองทำธุรกิจด้วย ตอนอายุ 28 ก็ที่บอกว่าเจ๊งมาเป็นล้านนะแหละ suffer (ทุกข์ทรมารมาก) ครับแต่ก็ใช้หนี้หมดตอนอายุ 34 ได้บทเรียนครั้งใหญ่เลยและผมว่าคุณสมบัติข้อนึงที่ติดตัวผมมาก็คือ การเข้าใจในการทำธุรกิจ ถ้าคุณอยากทำธุรกิจเอง การเริ่มต้นด้วยการเป็น ลูกจ้างเค้าโดยการเป็น Sales  นี่ดีครับเราจะเข้าใจธุรกิจ บริษัทออกเงินให้เราลองทำธุรกิจ (คิดซะยังงั้น สบายใจ) มีทักษะว่างั้น บริษัทที่ประสบความสำเร็จใหญ่โตจะมียอดขายมหึมา และส่วนสำคัญก็มาจาก Sales Man นี่แหละครับ Model การทำธุรกิจที่ดีบนเว็บ ก็มาจากความเข้าใจเรื่อง Sale ของคนพัฒนา ยอดขาย ช่องทางการขาย พนักงานขาย มีความสำคัญกับการทำธุรกิจ อยากเป็นเจ้าของกิจการต้องเริ่มต้นตรงนี้  อย่าฝัน เจ๊งหมด เดือดร้อนนะ  ถ้าไม่ได้มีกิจการที่บ้าน ไม่รวย อยากเป็นเจ้าของกิจการลองไปสมัครเป็น Sales ในฟิวที่คุณสนใจ แข็งแรงแล้ว ลองทำเองดู อย่าเอาเงินทั้งหมดมาทำ ลองเล็ก ๆ ก่อน อีกครั้ง เจ๊ง เดือดร้อน ขอย้ำ สรุป ช่วงชีวิตการทำงานตรงนี้ได้บทเรียนจากความซ่าไปหลายตังค์  แต่ก็ได้ทักษะการทำธุรกิจติดตัวมาพร้อมหนี้บานเลยครับ ผมหาตัวเองเจอว่าอยากทำอะไร สนใจอะไร เวลาว่างอ่านหนังสือที่ตัวเองสนใจ แก้ปัญหาเก่ง เริ่มมีเป้าหมายในชีวิตแล้วครับ เป้าแรกต้องใช้หนี้ให้หมด ผมประหยัด ไม่ฟุ่มเฟือย เพราะไม่มี 55 จากเดิม ป๋า สปอร์ต กทม. กับเพื่อน และ หญิงตลอด ลืมเล่าไปมีแฟนนะครับ รู้จักกันเพราะเค้ามาฝึกงานที่แบงค์ เค้าอดทนมากเลยนะ ยอมคบผมได้ตั้งแต่ตอนนั้นอะ (เรื่องแฟนนี้ต้องขยายครับเพราะมีส่วนสำคัญที่ทำให้ผมมาถึงจุด ๆ นี้) เดี๋ยวไปต่อช่วงต่อไปกันเลย  ช่วงอายุเกือบ 30 - จนถึง 36  ผมกลับมาแว้ว กลับมาเป็นลูกจ้างเหมือนเดิม หายซ่าเลยมีหนี้สองล้านบาทได้ ต้องเอาบ้านไป รีไฟแนนท์ แต่มีรถขับคันนึง สงสารแม่ สงสารแฟน ต้องมาลำบากไปกับเราด้วย ผมกลับมาทำงานบริษัทด้าน IT เหมือนเดิมเงินเดือน 35,000 ย้ายครั้งนึง มาอยู่บริษัทที่เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้า IT Security (ความปลอดภัยทางด้าน IT)  รายได้เฉลี่ย 50,000 - 60,000 บาท ตำแหน่ง Sales Manager ทั้งบริษัทมีอยู่ 3 คน คือ  GM, Engineer แล้วก็ผมเป็น Sales ช่วงนี้เป็นช่วงสำคัญครับ เหนื่อยแต่สนุกกับงาน เรียนรู้ ขยัน ประกอบกับได้ทำสิ่งที่ตัวเองสนใจ ลุยแหลก เอาเป็นว่าเริ่มต้นขายของให้ Vendor จากไม่มี Side Referenced จนขึ้นเบอร์หนึ่งของเมืองไทย แล้วก็ถือ Products อีกหลายตัว บริษัทขยายกลายเป็นมีคนเกือบ 20 คน ทำงานร่วมกับ Vendor จากสิงคโปร์หลายคน หลาย Vendor กลายเป็นที่รักของเฮีย ๆ สิงคโปร์หลายคน มาเมืองไทยผมดูแลจัดเต็ม ผมขออะไรให้หมด 55 เจ้านายพูดไม่ให้ ผมขอให้เว้ย 55 ใครดี ใครกวนตรีน ใครรับสมัครพนักงาน รู้หมด เริ่มสร้างชื่อ เพราะเราจริงใจ ตรงไปตรงมา ไม่หลอกเค้า (มีตีหัวเอามาร์จิ้นบ้างเล็กน้อยถึงปานกลาง ) ถ้าผม commit หมายถึง PO เข้าชัวร์ ถ้า slip ผมหามา patch ผมและทีมลุยแหลก Product ไม่ใช่เกรด A ทุกตัวแต่ก็ทำตลาดได้ Position ให้ถูก Focus ให้ถูกที่และจริงใจกับลูกค้า partner ยอดขายกระฉูด บริษัทขยายตัว ค่าคอมหาได้เพิ่มเอาไปใช้หนี้  เจ้าของบริษัทตัวจริง Happy (ไอ้ GM นะแหละตัวปลอม แค่หุ้นส่วน วัน ๆ   ไม่รู้ทำอะไรยังดีไม่ทำแต่ก็ไม่มาสร้างปัญหา ) ช่วงนี้การได้รัน (Run) ทีมขาย ทำให้ผมอยู่กับคนมากขึ้น ลูกน้องกลัวผมเพราะความขาลุย อยู่ในสภาพแวดล้อมของการแข่งขัน บางคนก็กลัวเกิน ตอนนี้ได้เป็น ผจก. เต็มตัวครับ มีลูกน้อง 5 - 6 คน แต่ยังขายเองอยู่นะ สัมภาษณ์งาน ทดลองงาน ให้ออก ไล่ออก ที่พอฝึกได้ก็ฝึกกันไป บริษัทเล็ก ๆ ครับไม่สามารถจ้างคนที่มีประสบการณ์ได้มากนัก รายได้ก็ไม่ได้ขยับอะไรมาก เราไม่คิดอะไรถือว่าโตไปด้วยกัน ผมเริ่มบริหารทีมงานขาย ให้โอกาส สอนคน พัฒนา ก็ตอนนี้ แล้วในทางกลับกัน ให้ออกและไล่ออก พอหนี้หมดผมก็จะแต่งงาน แฟนผม หรือ ภรรยาผมนี่มีส่วนสำคัญกับชีวิตผมสูงมาก ผมดีเค้าก็อยู่ ผมล้มเค้าก็อยู่ ผมกลับมาดีใหม่ มีครั้งนึงทำท่าไม่อยู่อะเสีย self ไปเลยนะ แต่ในที่สุดเค้าก็แต่งงานกับผม งานแต่งค่าจัดเลี้ยง 300,000 บาท เจ้าของบริษัทฯ ผมออกให้เลยนะ (จริงๆ ไม่น่ารับเล้ย ) แต่ก็ลดค่าใช้จ่ายสบายแฮ หลังแต่งงานผมยกเงินเดือนให้ภรรยาดูแลทั้งหมด เอาบัตร ATM สมุดบัญชีไปเลย กลับมาเรื่องงาน ขายเยอะปัญหาเยอะ บริหารจัดการไม่ดี เริ่มหาตัวช่วย GM ไปเอาญาติมาทำการเงิน พยายามมาวุ่นวายกับผม จะให้ผมขออนุมัติเค้าก่อน ให้ Discounted นึกดู ผจก. ฝ่ายขายต้องขออนุมัติ ผจก. การเงินก่อน มีที่ไหน ผมว่าเค้าคงจะพยายามมาเล่นการเมือง เพราะผม power เยอะกว่า GM ผมเริ่มเซ็งออกดีกว่า คราวนี้เอาหละซิ ติดหนี้บุญคุณกันทำไงอะ ผมรอจนปิดโปรเจคนึง 40 ล้านได้ กำไรประมาณ 6 ล้าน ยกค่าคอมคืนเค้าไป  ผมทำงานที่นี่หลายปีเลยนะ หลังจากที่ออกซักพักนึง สามสีปีให้หลัง บริษัทนี้ปิดตัวไปแล้ว มานั่งนึกแล้วลูกค้าตรูทำไงเนี้ย ย้ายไปทำงานก็เพราะ Vendor มาตรงนี้แหละเริ่มเป็น Vendor รายได้แตะ 100,000 บาท หรือเกินบางควอเตอร์ ไม่มีลูกน้อง ไม่มี Engineer รู้ทุกอย่าง เกือบทำ POC เองได้อยู่แล้ว Highlight ช่วงนี้นะครับ ถ้าเราสนุกกับงาน เราก็จะตั้งใจทำ  มีอุปสรรคเราก็ฝ่าฟันไป นี่ไงคีย์(Key) ความสำเร็จก็ตามมา เราซื่อสัตย์ ไม่คดโกง จริงใจ กับลูกค้า, คู่ค้าทั้ง partner vendor,  เพื่อนร่วมงาน ใครก็สนับสนุน (Support) ทำงานผิดพลาดก็มีคนช่วยเหลือ แก้ไข แก้ต่าง 55 ทำธุรกิจต้องใช้ความไว้วางใจ ซึ่งสำคัญมากครับ อะไรที่เรามี Commitment ต้อง Delivery ให้ได้  ลูกค้า, คู่ค้า, vendor ให้เกียรติ เจ้านาย ผจก. ที่ไม่สอนหรือลูกน้องกลัว จะเหนื่อย มีน้องที่ผมให้ออก (ไม่ใช่ไล่ออก ) เดินมายกมือไหว้ผมเจอกันโดยบังเอิญ เค้าบอกว่าจำผมไม่ลืม จำที่ผมสอน เค้าเล่าปัญหาตอนทำงานกับผมให้คุณแม่เค้าฟัง ผ่านไปหลายปีคุณแม่เค้ายังพูดถึงผมอยู่เลย ตอนนี้เค้าอยู่บริษัท IT ใหญ่มาก ผมโหดจริงแต่ก็ช่วยเหลือแล้วผมก็สอน นิสัยขาโหดผมลดลงแล้ว สไตล์เราต้องปรับเปลี่ยนไปตามลูกน้อง บางคนต้องโหด บางคนต้องไม่โหดชี้แจงเหตุผล ทางทีดีเป็น ผจก. ที่ดีอย่าโหด โหดแล้วลูกน้องที่ยังไม่เก่งหรือฝึกอยู่แล้วเค้าอาจจะเก่งเค้าลาออก คุณก็เหนื่อยฟรี เก่งกว่า เก่งเท่ากัน หรือเก่งน้อยกว่า คนนึงพูด Eng ได้ เค้าเลือกคนพูดได้ เข้าใจ สื่อสารได้นะครับ Eng สำคัญ บริษัทคนไทยใครจ้างคนเงินเดือน 100,000 บ้าง ต้องผู้บริหารระดับสูงนะ Vendor แสนกว่าเยอะแยะ บริษัทฝรั่งด้วย อีกครั้ง Eng.  รมต. นายก ยัง แสนกว่าเอง โหยเพิ่งจะ 100,000 บาทกว่าเอง ไว้มาต่อแล้วกัน ช่วงหน้า เริ่มเป็นขาใหญ่ยิ่งบู๊ขึ้นชื่อว่านักบู๊ต้องบาดเจ็บ จาก ผจก.ไปเป็น ผจก. อาวุโส เจอนายกวนตรีน โดนการเมืองชิงอำนาจ ลาออกอีก coming attraction.  



      มาต่อช่วงอายุ 36 จนถึงปัจจุบันกัน ผมตัดสินใจไม่เล่ารายละเอียดหละ เอาสรุป ๆ เลย 7 ปีย้ายงานครั้งเดียว ไม่ได้เปลี่ยนฟิวงานที่ทำเลย แต่เปลี่ยน product  ผมใช้ประโยชน์จาก คอนเนคชั่นเดิม เปลี่ยนบริษัทแต่ไม่ได้เปลี่ยนฟิวส์ ยังคงทำงานร่วมกับคู่ค้ารายเดิม แต่ในฐานะใหม่ การทำธุรกิจกับคนรู้จักกันดี ง่ายกว่าคนใหม่เยอะ ฝากไว้เลยครับว่า เมื่อเราเปลี่ยนงานอย่าเสี่ยงซะหมดหรือเริ่มต้นใหม่หมดเปลี่ยนงานลองพิจารณาปัจจัยด้านล่างนี้ดู ผมย้ำอีกครั้งเรื่องนี้สำคัญ  

1.เลือกเจ้านายก่อน พิจารณาเรื่องนี้อันดับแรก ดูโปรไฟล์เค้า เช็คคนที่ทำงานร่วมกับเค้า งานดี เงินดี เพื่อนดี บริษัทดี ถ้าเจ้านายไม่ดีอนาคตคุณแย่แน่ เจ้านายดี งาน OK เงินเดือนแย่ คุณทนกันได้ นายไม่ดีคุณทนไม่ได้ลาออกเสียเวลาเปล่าทุกอย่างดีหมดยกเว้นเจ้านายแล้วยังจะทำก็ต้องทน
2.เปลี่ยนฟิวไปเลย Lost Concentrate , Connection เลือกเปลี่ยนเฉพาะ Product  คุณยังสามารถใช้คอนเนคชั่นเดิมในการทำงานได้ ทักษะมีเรียบร้อยแล้ว แค่ศึกษาสินค้าเลือกสินค้าที่คุณมีทักษะ เข้าใจมัน สินค้าที่ใหม่ในตลาด บริษัทใหม่ในตลาด นั่นหมายถึงเราต้องพัฒนามันจากศูนย์และมันยากกว่าเยอะ 
3.อันนี้สำหรับ Sales เลย ตัวเลขยอดขาย อย่าเห็นเงินเดือนแล้วตาลุก manager บางคนบีบคุณจนลำบาก ตั้งเป้าสูงเกินจริงไปเยอะคุณจะเหนื่อยฟรี ยกตัวอย่าง ผจก. ส่วนภูมิภาค Asian ดูแล 5 ประเทศ ( สิงคโปร์ ไทย มาเลย์ อินโด ฟิลิปปินส์ ) เป้าเค้า 10 ล้าน USD/ปี เค้าตั้งเป้าคุณประเทศไทย 4 ล้านบาท แทนที่จะเป็น 2 ล้าน คุณได้คอมมิชชั่นยากขึ้นเท่านึง ส่วนตัวผมเจอนายเก่งมาก ขาโหดนรกแตก โคตรเขี้ยวแรงกดดันสูง ผมรู้อยู่แล้วและทำใจยอมรับมัน อดทน อึดแบบเอาเขามาสวมผมไถนาได้เลย  ข้อดีก็คือ เราได้เรียนรู้อะไรเยอะ พัฒนาเยอะ ข้อดีเราเก็บไว้ ข้อเสียพยายามลืม ๆ มันไป เพราะเราต้องพัฒนาตัวเองต้องทน ผมเก่งขึ้นอย่างรวดเร็ว แปลกนะ Bad Manager มักจะเก่ง Nice Manager มักจะไม่ช่วยเท่าที่ควร (เรื่องจริงไม่รู้ทำไมโลกนี้ถึงเป็นอย่างงี้) เก่งขึ้นแต่ก็ช้ำผมเบื่อแล้วก็ลาออก ทำงานได้ 6 ปี ช่วงปี 1 - 2 รายได้ไม่ค่อยโต เงินเดือนขึ้นน้อย (ช่วงเริ่มต้น ต้องอดทน) หลังจากนั้นปี 3 - 6 เงินเดือนขึ้นปีละ 2 แสน 3 แสน ต่อเดือน 2 - 3 หมื่น รายได้เฉลี่ยเกือบ 2 แสนบาทหละครับ บริษัทที่ผมลาออกมาใหญ่โต สวัสดิการดีเยี่ยม รายได้สุดยอด เพื่อนร่วมงานยอดเยี่ยม แต่ผมทนเจ้านายไม่ได้แล้ว (เห็นมะ) ยังยืดแง่คิดในการหางานแบบเดิม ไม่เสี่ยง ไม่เปลี่ยนฟิว ใช้ทักษะเดิมที่มีอยู่ เปลี่ยนแต่ Product เลือกเจ้านายก่อน งานที่ใหม่ผมเล่าให้ฟังไปหละ OTE 3 ล้านกว่า 60/40 เฉพาะเงินเดือนอย่างเดียวผม 2 แสนกว่าไม่รวมคอมมิชชั่น ดูดีนะสำหรับคนเรียน ปวช. ต่อภาคค่ำ ไม่จบโท (อ่านหนังสือเอา เก่งกว่าอีก ) ใครที่เรียนได้ดีแล้ว แต่ช่วยส่งตัวเองได้ไม๊อย่ารบกวนคุณพ่อคุณแม่ (ถ้ามีตังค์อยู่แล้วก็อีกเรื่อง ) ทำงานก่อนแปปนึงหรือทำไปด้วยเรียนไปด้วยคุณจะได้เพื่อนที่เค้าทำงานแล้วเหมือนกัน ได้มุมมองการทำงานใหม่ ๆ ได้ connection ที่ดี ป.โท เป็นประโยชน์แต่ไม่ใช่สูตรสำเร็จนะครับ จากเรื่องที่ผมเล่าให้ฟังยาว ๆ ถ้าคุณอ่านมาตั้งแต่ต้นก็จะเข้าใจ ผมสรุป Key Success ให้ฟังเลยดีกว่า 

1. ผมไม่ย้ายฟิวส์ ไม่ jump เอาเงินเดือนขึ้นไปเรื่อย concentrate กับฟิวเดิม คู่ค้ารายเดิม ลูกค้าเดิมหรือรายใหม่แต่ก็ตลาดเดิม ความต้องการคล้ายกัน
2. ผม Work Life Balance ออกกำลังกาย ให้เวลาครอบครัว ให้เวลาการทำงาน อย่างเหมาะสม สุขภาพดี สมองดี การทำงานก็มีประสิทธิภาพ
3. ภรรยาช่วยดูแลหมด ค่าใช้จ่าย เงินเก็บ ลงทุน เงินเดือนออกแล้วผมยังไม่รู้เลย เค้าบริหารการเงินได้ดี ผมซื้อ LTF จนเต็มที่เหลือ RMF เกือบเต็ม คุณจะประสบความสำเร็จต้องมีเวลา ต้องโฟกัสกับงาน เรื่องเงิน ค่าใช้จ่าย เรื่องจุกจิก ถ้ามีคนมาดูแลให้เราโฟกัสเรื่องงานได้เต็มที่ หาเก่ง ไม่สู้เก็บเก่ง เก็บเก่งไม่สู้บริหารเก่งครับ ประเด็นนี้ต้องขยายหน่อย ผมเห็นเพื่อน ๆ รุ่นพี่ ประสบความสำเร็จเรื่องการทำงานมาตายเอาเรื่องพวกนี้เยอะ รายได้เยอะ ซื้อเบนซ์ BMW บ้านหลายล้าน สร้างภาระให้กับตัวเองเยอะเกินไป พอมีปัญหาเรื่องงานแย่เลยทีนี้  ตอนนี้นะถ้าผมตกงานผมมีกระสุน อยู่ได้ปีนึงเลย ภาระมีแต่น้อย สิ้นปีที่ผ่านมาผมชวนลูกน้องไปซื้อ LTF เพื่อลดหย่อนภาษี เค้าไม่ซื้ออะแต่ไปเมืองนอกชี(She) ซื้อชาแนล(Chanel) สองใบเฉยเลย บ้าที่สุด 
4. ขยัน โฟกัส ซื่อสัตย์ อดทน ดูน่าเบื่อเนอะ คุณจะก้าวไปข้างหน้าเติบโตขึ้น ไม่ใช่นายดึงขึ้นอย่างเดียวไม่พอจริง ๆ ต้องลูกน้องดัน ลูกค้าสนับสนุน เดี๋ยวตอนที่ผมได้โปรโมตอีกครั้งก็จะเหมือนเดิม ใช้เวลาดูน่าเบื่อ แต่มั่นคงมีคำพูดเท่ห์ ๆ เยอะแยะ Work Smart Not Work Hard ก่อนคุณจะสมาร์ทตอบหน่อยถ้าไม่ทำงานหนัก แล้วสมาร์ทยังไง จะมีพวกใช้ทางลัด ย้ายบริษัทเรื่อย ๆ เงินเดือนเพิ่ม 20% ทุกครั้ง ส่วนใหญ่จะกลวงเก่งไม่จริง เอาส่วนใหญ่นะฟันธง คอรัปชั่นเห็นมาเยอะ ทำครั้งเดียวติดตัวตลอดชีวิต อาจจะปิดได้ช่วงเวลาหนึ่ง แต่ในที่สุดวงการมันแคบ คุณจะไม่ได้ไปต่อ
5. มีเป้าหมาย เขียนมันออกมา เอาเรื่องการพัฒนาชีวิตตั้ง ทั้งการทำงาน ครอบครัว การเงินรายได้ เอาเรื่องเงินไว้อันดับ 3 อันดับ 4 คุณมีเป้าหมายอย่างไรในอีก 3 ปีข้างหน้า ?  ถ้าชิลไม่มี ไม่สายตั้งเป้าหมายซะ คุณจะมีแรงขับเคลื่อน ตื่นเช้ามาคิดถึงเป้าหมาย หาแรงบันดาลใจ การมีชีวิตอยู่เพื่อคนอื่นคนที่คนรัก ครอบครัว ตอนนี้เริ่มวางแผนเกษียณหละ มีตังค์เท่าไหร่ตอนอายุ 60 ไม่ได้ทำงานแล้วแต่ต้องกิน ต้องใช้ ต้องเจ็บป่วย กินข้าวมือละ 100 บาท / 300 ต่อวัน คุณต้องมีเงินเก็บเท่าไหร่ ?  เจ็บป่วยเข้าโรงพยาบาลใช้ 30 บาทเหรอ? วันนี้คุณได้เงินคืนจากการลดหย่อนภาษีบ้างไม๊ ?  คิดวางแผนซะ ทำได้เยอะ แบ่งเก็บบ้าง ลงทุนบ้าง จบดีกว่า ไม่รู้ทำไมถึงอยากแชร์ชีวิตตัวเอง ลองเอาไปปรับใช้ดู ไม่ถูกทั้งหมดหรอก  แต่ Work สำหรับผม.



Share on Google Plus

About Chanachai

This is a short description in the author block about the author. You edit it by entering text in the "Biographical Info" field in the user admin panel.
    Blogger Comment
    Facebook Comment

0 ความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น