ฝึกวิเคราะห์ลักษณะนิสัยผู้คนจากจริต 6 ประเภท



ฝึกวิเคราะห์ลักษณะนิสัยตัวเองและผู้อื่นโดยใช้หลัก จริต 6

      จริตคน ในการทำงานทุกอย่างล้วนมีจุดมุ่งหมายเพื่อทำให้งานมีความสำเร็จลุล่วงตามเป้าหมาย โดยในหลายๆ ครั้งเราจำเป็นจะต้องทำงานหรือมีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลอื่นตามบทบาทและสถานภาพที่แตกต่างกันออกไป เราจึงต้องอาศัยความร่วมมือจากบุคคลอื่นเพื่อให้ได้รับความสำเร็จในการปฏิบัติงาน ซึ่งถ้าหากเรานำเรื่อง จริต 6 ประการของคนแต่ละประเภท มาปรับใช้ในการเรียนรู้และเข้าใจลักษณะของบุคคลประเภทต่างๆได้อย่างรวดเร็วแล้วนั้น จะทำให้เราสามารถปรับตัวกับบุคคลแต่ละประเภทได้อย่างเหมาะสมและสามารถทำงานกับบุคคลเหล่านั้นได้อย่างราบรื่นและประสบผลสำเร็จในการทำงาน ได้อย่างราบลื่น การใช้จริต 6 ประการมาปรับใช้นั้นจะทำให้เรามีความเข้าใจคนทำให้คิดอ่านวิเคราะห์ได้ว่า คนแต่ละคนที่เรามีการพูดคุยหรือประสานงานด้วยนั้น เป็นคนที่มี จุดอ่อน จุดแข็ง และ ลักษณะพื้นฐานนิสัยเป็นอย่างไร ซึ่งข้อมูลดังด้านล่างนี้จะช่วยเรามากขึ้น แล้วลองคิดวิเคราะห์ดูว่าแต่ละท่านจัดเป็นคนประเภทจริตใด และ คนที่เรารู้จักเป็นคนจริตไหน เราจะปรับตัวให้สามารถทำงานกับเขาได้อย่างไร ซึ่งจากการคิดวิเคราะห์จริตคนทั้ง 6 ทำให้ผู้อ่านครุ่นคิดว่าตัวเองตรงกับจริตข้อใหนกันแน่ หรือ ลักษณะตัวเองโดดเด่นตรงกับจริตข้อใดมากที่สุดแต่ เมื่อคิดพิจารณาดี ๆ ก็พบว่ามันก็ไม่ตรงข้อใดข้อหนึ่งนะ บางลักษณะของตัวเราก็ตรงกับข้ออื่น หลาย ๆ ข้อ ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลในหลักของจริต 6 ประเภท ก็เพื่อให้เราวิเคราะห์จุดอ่อน จุดแข็งของตัวเองเพื่อปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น ทังหน้าที่การทำงาน การวางตัวในการพบปะผู้คน ซึ่งถ้าเราไม่เข้าใจหรือโกรธใครสักคนเมื่อลองกลับมามาอ่านจริต 6 ประเภท ก็จะช่วยทำให้ไฟในกายที่มันลุกโชน ค่อย ๆ มอดลง มอดลง จนไฟในใจดับไปในที่สุด ยอมรับและเข้าใจคนอื่นว่าคนในโลกนี้มีนิสัยและความคิดแตกต่างกัน บอกกับตัวเองทุกวันว่าเราต้องยอมรับและอยู่ร่วมกับผู้อื่น ให้ได้ สู้ ๆๆๆๆ ไม่มีอะไรที่จะทำให้เรากลัวอีกแล้ว และเราก็จะไม่กลัวอะไรทั้งนั้น

คำว่า "จริต" ในที่นี้หมายถึงสภาวะจิตของคนตามธรรมชาติจากการแบ่งจริตของคนออกเป็น 6 ประเภท 

1. ราคะจริต  คือสภาวะจิตที่หลงติดในรูป รส กลิ่น เสียงและสัมผัสจนเป็นอารมณ์ ลักษณะของคนประเภท “ราคะจริต” จะมีลักษณะ บุคลิกดี มีมาด น้ำเสียงนุ่มนวลไพเราะ ติดในความสวย ความงาม ความหอม ความไพเราะ ความอร่อย ไม่ชอบคิด แต่ช่างจินตนาการเพ้อฝัน จุดแข็ง มีความประณีตอ่อนไหว และละเอียดอ่อน ช่างสังเกต เก็บข้อมูลเก่ง มีบุคลิกหน้าตาเป็นที่ชอบและชื่นชมของทุกคนที่เห็น วาจาไพเราะ เข้าได้กับทุกคน เก่งในการประสานงาน การประชาสัมพันธ์และงานที่ต้องใช้บุคลิกภาพ จุดอ่อน ไม่มีสมาธิ ทำงานใหญ่ได้ยาก ไม่มีเป้าหมายในชีวิต ไม่มีความเป็นผู้นำ ขี้เกรงใจคน ขาดหลักการ มุ่งแต่บำรุงบำเรอผัสสะทั้ง 5 ของตัวเอง คือ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ชอบพูดคำหวานแต่อาจไม่จริงใจ อารมณ์รุนแรงช่างอิจฉา ริษยา ชอบปรุงแต่ง วิธีแก้ไข พิจารณาโทษของจิตที่ขาดสมาธิ ฝึกพลังจิตให้มีสมาธิเข้มแข็ง หาเป้าหมายที่แน่ชัดในชีวิต พิจารณาสิ่งปฏิกูลต่างๆ ของร่างกายมนุษย์เพื่อลดการติดในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส เป็นต้น 

2. โทสะจริต หรือสภาวะจิตที่โกรธง่าย ฉุนเฉียวง่าย เพียงพูดผิดสักคำ ได้เห็นดีกันแน่ โดนดีแน่ ลักษณะของคนประเภท “โทะสะจริต” จะมีลักษณะ จิตขุ่นเคือง โกรธง่าย คาดหวังว่าโลกต้องเป็นอย่างที่ตัวเองคิด พูดตรงไปตรงมา ชอบชี้ถูกชี้ผิด เจ้าระเบียบ เคร่งกฎเกณฑ์ แต่งตัวประณีต สะอาดสะอ้าน เดินเร็ว ตรงแน่ว จุดแข็ง อุทิศตัวทุ่มเทให้กับการงาน มีระเบียบวินัยสูง ตรงเวลา วิเคราะห์เก่ง มองอะไรตรงไปตรงมา มีความจริงใจต่อผู้อื่นสามารถพึ่งพาได้ พูดคำไหนคำนั้น ไม่ค่อยโลภ จุดอ่อน จิตขุ่นมัว ร้อนรุ่ม ไม่มีความเมตตา ไม่เป็นที่น่าคบค้าสมาคมของคนอื่น และไม่มีบารมี ไม่มีความคิดสร้างสรรค์ สร้างวจีกรรมเป็นประจำ มีโรคภัยไข้เจ็บได้ง่าย วิธีแก้ไข ให้ลองสังเกตดูอารมณ์ตัวเองเป็นประจำ เจริญเมตตาให้มากๆ คิดก่อนพูดนานๆ และพูดทีละคำ ฟังทีละเสียง อย่าไปจริงจังกับโลกมากนัก เปิดใจกว้างรับความคิดใหม่ ๆ พิจารณาโทษของความโกรธต่อความเสื่อมโทรมของร่างกาย 

3. โมหะจริต หรือจิตที่มักอยู่ในสภาพง่วงเหงาหาวนอน หรือ ซึมเศร้าเป็นอาจิณ ลักษณะของคนประเภท “โมหะจริต” จะมีลักษณะ ง่วงๆ ซึมๆ เบื่อๆ เซ็งๆ ดวงตาดูเศร้าๆ ซึ้งๆ พูดจาเบาๆ นุ่มนวลอ่อนโยน ยิ้มง่าย อารมณ์ ไม่ค่อยเสีย ไม่ค่อยโกรธใคร ไม่ชอบเข้าสังคม ไม่ชอบทำตัวเป็นจุดเด่น เดินแบบขาดจุดมุ่งหมาย ไร้ความมั่นคง จุดแข็ง ไม่ฟุ้งซ่าน เข้าใจอะไรได้ง่ายและชัดเจน มีความรู้สึก มักตัดสินใจอะไรได้ถูกต้อง ทำงานเก่ง โดยเฉพาะงานประจำ ไม่ค่อยทุกข์หรือเครียดมากนัก เป็นคนดี เป็นเพื่อนที่น่าคบ ไม่ทำร้ายใคร จุดอ่อน ไม่มีความมั่นใจ มองตัวเองต่ำค่ากว่าความเป็นจริง ชอบโทษตัวเองเสมอ หมกมุ่นแต่เรื่องตัวเองไม่สนใจคนอื่น ไม่จัดระบบความคิด ทำให้เสมือนไม่มีความรู้ ไม่มีความเป็นผู้นำ ไม่ชอบเป็นจุดเด่น สมาธิอ่อนและสั้นเบื่อง่าย อารมณ์อ่อนไหวง่ายใจน้อย วิธีแก้ไข ตั้งเป้าหมายชีวิตให้ชัดเจน ฝึกสมาธิสร้างพลังจิตให้เข้มแข็ง ให้จิตออกจากอารมณ์ โดยจับการเคลื่อนไหวของร่างกาย หรือเล่นกีฬา แสวงหาความรู้ และต้องจัดระบบความรู้ความคิด สร้างความแปลกใหม่ให้กับชีวิต อย่าทำอะไรซ้าซาก จำ เจ 

4. วิตกจริต หรือสภาวะจิตที่กังวล สับสนและวุ่นวายฟุ้งซ่านแทบทุกลมหายใจ ลักษณะของคนประเภท “วิตกจริต” จะมีลักษณะ พูดเป็นน้ำไหลไฟดับ ความคิดพวยพุ่ง ฟุ้งซ่านอยู่ในโลกความคิด ไม่ใช่โลกความจริง มองโลกในแง่ร้ายว่าคนอื่นจะชอบเอาเปรียบกลั่นแกล้งเรา หน้าตาจะบึ้งตึง ไม่ค่อยยิ้ม เจ้ากี้เจ้าการ อัตตาสูงคิดว่าตัวเองเก่ง อยากรู้อยากเห็นไปทุกเรื่อง ผลัดวันประกันพรุ่ง ชอบแก้ตัว แถเก่ง กะล่อน จุดแข็ง เป็นนักคิดระดับเยี่ยมยอด มองอะไรทะลุปรุโปร่งหลายชั้น เป็นนักพูดที่เก่ง จูงใจคน เป็นผู้นำหลายวงการ ละเอียดรอบคอบ เจาะลึกในรายละเอียด เห็นความผิดเล็กความผิดน้อยที่คนอื่นไม่เห็น จุดอ่อน มองจุดเล็กลืมภาพใหญ่ เปลี่ยนแปลงความคิดตลอดเวลา จุดยืนกลับไปกลับมา ไม่รักษาสัญญา มีแต่ความคิด ไม่มีความรู้สึก ไม่มีวิจารณญาณ ลังเล มักตัดสินใจผิดพลาด มักทะเลาะวิวาท ทาร้ายจิตใจ เอารัดเอาเปรียบผู้อื่น มีความทุกข์ เพราะเห็นแต่ปัญหา แต่หาทางแก้ไม่ได้ วิธีแก้ไข เลือกความคิด อย่าให้ความคิดลากไป ในทางลบ ฝึกคิดในด้านบวก และ ฝึกสมาธิแบบอานาปานสติ เพื่อสงบสติ อารมณ์ เลิกอกุศลจิต คลายจากฟุ้งซ่าน สร้างวินัย ต้องสร้างกรอบเวลา ฝึกมองภาพรวม คิดให้ครบวงจร หัดมองโลกในแง่ดี พัฒนาสมองด้านขวา เป็นต้น

5. ศรัทธาจริต คือสภาวะจิตที่มีปรัชญาหรือหลักการของตัวเองและพยายามผลักดันให้ ตัวเองและผู้อื่นบรรลุถึงจุดหมายนั้น ลักษณะของคนประเภท “ศรัทธาจริต” จะมีลักษณะ ยึดมั่นอย่างแรงกล้าในบุคคล หลักการหรือความเชื่อถือและความศรัทธา คิดว่าตัวเองเป็นคนดี น่าศรัทธา ประเสริฐ กว่าคนอื่น เป็นคนจริงจัง พูดมีหลักการ จุดแข็ง มีพลังจิตสูงและเข้มแข็งพร้อมที่จะเสียสละเพื่อผู้อื่น ต้องการเปลี่ยนแปลงตัวเองและสังคมไปสู่สภาพที่ดีกว่าเดิม มีพลังขับเคลื่อนมหาศาล มีลักษณะความเป็นผู้นำ จุดอ่อน หูเบา ความเชื่ออยู่เหนือเหตุผล ถูกหลอกได้ง่าย ยิ่งศรัทธามาก ปัญญายิ่งลดน้อยลง จิตใจคับแคบ ไม่ยอมรับความคิดที่แตกต่าง ไม่ประนีประนอม มองโลกเป็นขาวและดำ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตนคิดว่าถูกต้อง สามารถทำได้ทุกอย่างแม้แต่ใช้ความรุนแรง วิธีแก้ไข นึกถึงกาลามสูตร ใช้หลักเหตุผลพิจารณาเหนือความเชื่อ ใช้ปัญญานำทาง และใช้ศรัทธาขับเคลื่อน เปิดใจกว้างรับความคิดใหม่ๆ ลดความยึดมั่นในตัวบุคคลหรืออุดมการณ์ ลดความยึดมั่นในตัวกูของกู เป็นต้น

6. พุทธิจริต คือสภาวะจิตที่เน้นการใช้ปัญญาในการไตร่ตรอง คิดหาเหตุหาผลมาแก้ไขปัญหาต่างๆในชีวิต ทั้งชีวิตส่วนตัว ชีวิตการทำงาน รวมทั้ง มีความสนใจ เรื่องการยกระดับและพัฒนาจิตวิญญาณ ลักษณะของคนประเภท “พุทธิจริต” จะมีลักษณะ คิดอะไรเป็นเหตุเป็นผล มองเรื่องต่างๆ ตามสภาพความเป็นจริงไม่ปรุงแต่ง พร้อมรับความคิดที่แตกต่างไปจากของตนเอง ใฝ่เรียนรู้ ช่างสังเกต มีความเมตตาไม่เอาเปรียบคน หน้าตาผ่องใส ตาเป็นประกาย ไม่ทุกข์ จุดแข็ง สามารถเห็นเหตุเห็นผลได้ชัดเจน และรู้วิธีการแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้อย่างถูกต้อง อัตตาต่ำ เปิดใจรับข้อเท็จจริง จิตอยู่ในปัจจุบัน ไม่จมปลักในอดีต และไม่กังวลในสิ่งที่จะเกิดในอนาคต พัฒนาปรับปรุงตัวเองอยู่เสมอ เป็นกัลยาณมิตร จุดอ่อน มีความเฉื่อย ไม่ต้องการพัฒนาจิตวิญญาณ ชีวิตราบรื่นมาตลอด หากต้องเผชิญพลังด้านลบ อาจเอาตัวไม่รอด ไม่มีความเป็นผู้นา จิตไม่มีพลังพอที่จะดึงดูดคนให้คล้อยตาม วิธีแก้ไข ถามตัวเองว่าพอใจแล้วหรือกับสภาพความเป็นอยู่ในปัจจุบัน เพิ่มพลังสติสมาธิ พัฒนาจิตใจให้มีพลังขับเคลื่อนที่แรงขึ้น เพิ่มความเมตตา พยายามทำประโยชน์ให้กับสังคมมากขึ้น การฝึกความสามารถในการรู้จักนิสัยของตัวเราเอง และการเข้าใจนิสัยของผู้อื่นจะช่วยให้เรารู้ว่าบุคคลแต่ละบุคคลมีจริตไม่เหมือนกัน ทำให้มีรูปแบบความคิดและการกระทำที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ซึ่งเมื่อเราเข้าใจและยอมรับความแตกต่างทั้งหลายทั้งหมดเหล่านี้แล้ว จะทาให้เราสามารถที่จะวิเคราะห์ตนเอง พร้อมทั้งปรับปรุงความคิดและพฤติกรรมของเราได้ และทำให้เราสามารถที่จะทำงานร่วมกับบุคคลอื่นได้อย่างเหมาะสมและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด 



อ้างอิง: ดร. อนุสร จันทพันธ์ และ ดร. บุญชัย โกศลธนากุล พิมพ์ครั้งแรก ปี 2546 หนังสือ "จริต ๖ ศาสตร์ในการอ่านใจคน" 1 ธันวาคม 2552.
Share on Google Plus

About Chanachai

This is a short description in the author block about the author. You edit it by entering text in the "Biographical Info" field in the user admin panel.
    Blogger Comment
    Facebook Comment

0 ความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น