ผลจากการสวดมนต์บทพาหุง



พุทธชัยมงคลคาถา 


        พุทธชัยมงคลคาถา  หรือเรียกอีกอย่างว่า  “คาถาพาหุง”  เป็นบทสรรเสริญพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ และ พระสังฆคุณ ด้วยการน้อมนำชัยชนะ ครั้งยิ่งใหญ่ของพระพุทธองค์ทั้ง 8 ครั้ง ได้แก่ ชัยชนะต่อ พญาวสวัตดีมาร  อาฬวกยักษ์ ช้างนาฬาคิรี องคุลิมาล นางจิญจมาณวิกา สัจจกนิครถ์ พญานันโทปนันทนาคราช และ พกพรหม มาประพันธ์รวมกันเป็นพระคาถาหนึ่งบท เชื่อกันว่า ผู้ใดหมั่นสวดภาวนา เป็นประจำทุกวัน จะมีแต่ชัยชนะเป็นศิริมงคลตลอดไป  พุทธชัยมงคลคาถา หรือ บทสวดพาหุงมหากา นี้ พระธรรมสิงหบุราจารย์ (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม) เล่าถึงที่มาว่าเป็นบทสวดที่สมเด็จพระวันรัตน์แห่งวัดป่าแก้ว แต่งถวายสมเด็จพระนเศวร มหาราชเพื่อให้ทรงสวดขณะประทับในพระราชวัง และยามออกศึก และเมื่อพระองค์ทรงออกศึกครั้งใดก็ประสบชัย ชนะทุกคราไป

        ตามปกติพระสงฆ์จะสวดพระคาถานี้ในงานมงคล เช่น งานทำบุญขึ้นบ้านใหม่ งานวันเกิด แต่สำหรับฆาราวาสทั่วไป ก็สามารถนำมาสวดได้เช่นกัน เมื่อต้องการอัญเชิญคุณพระศรีรัตนตรัย มาเป็นที่พึ่ง ทำให้ชีวิตมีความสุข ประสบความสำเร็จ และ ผ่านพ้นอุปสรรค ต่าง ๆ ไปได้ด้วยดี


ตั้งนะโน 3 จบ

นะโมตัสสะ  ภะคะวะโต  อะระหะโต  สัมมาสัมพุทธัสสะ

นะโมตัสสะ  ภะคะวะโต  อะระหะโต  สัมมาสัมพุทธัสสะ

นะโมตัสสะ  ภะคะวะโต  อะระหะโต  สัมมาสัมพุทธัสสะ


เริ่มสวดคาถาพาหุง


พาหุง สะหัสสะมะภินิมมิตะสาวุธันตัง
ครีเมขะลัง อุทิตะโฆระสะเสนะมารัง
ทานาทิธัมมะวิธินา ชิตะวา มุนินโท
ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคลานิ


มาราติเรกะมะภิยุชฌิตะสัพพะรัตติง
โฆรัมปะนาฬะวะกะมักขะมะถัทธะยักขัง
ขันตีสุทันตะวิธินา ชิตะวา มุนินโท
ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ


นาฬาคิริง คะชะวะรัง อะติมัตตะภูตัง
ทาวัคคิจักกะมะสะนีวะ สุทารุณันตัง
เมตตัมพุเสกะวิธินา ชิตะวา มุนินโท
ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ


อุกขิตตะขัคคคะมะติหัตถะสุทารุณันตัง
ธาวันติโยชะนะปะถังคุลิมาละวันตัง
อิทธีภิสังขะตะมะโน ชิตะวา มุนินโท
ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ


กัตวานะ กัฏฐะมุทะรัง อิวะ คัพภินียา
จิญจายะ ทุฎฐะวะจะนัง ชะนะกายะมัชเฌ
สันเตนะ โสมะวิธินา ชิตะวา มุนินโท
ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ


สัจจัง วิหายะ มะติสัจจะกะวาทะเกตุง
วาทาภิโรปิตะมะนัง อะติอันธะภูตัง
ปัญญาปะทีปะชะลิโต ชิตะวา มุนินโท
ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ



นันโทปะนันทะภุชะคัง วิพุธัง มะหิทธิง
ปุตเตนะ เถระภุชะเคนะ ทะมาปะยันโต
อิทธูปะเทสะวิธีนา ชิตะวา มุนินโท
ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ


ทุคคาหะทิฏฐิภุชะเคนะ สุทัฏฐะหัตถัง
พรัหมัง วิสุทธิชุติมิทะพะกาภิธานัง
ญาณาคะเทนะ วิธินา ชิตะวา มุนินโท
ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ


เอตาปิ พุทธะชะยะมังคะละอัฏฐะคาถา
โย วาจะโน ทินะทิเน สะระเต มะตันที
หิตวานะเนกะวิวิธานิ จุปัททะวานิ

โมกขัง สุขัง อะธิคะมยยะ นะโร สะปัญโญ 



..จบ..




**แชร์ประสบการณ์อนิสงฆ์ผลลัพธ์ของการสวดมนต์ 
คาถาพาหุง**

ท่านแรกได้แชร์ประสบการณ์พระอนิสงฆ์ของการสวดบทพาหุงไว้ที่  board.palungjit.org ซึ่งบอกว่าการสวดบทพาหุง จนสามารถได้เลื่อนขั้นปรับตำแหน่งเป็นผู้ว่า ซึ่งได้มีการแชร์ข้อความดังนี้


       ในปี พ.ศ.๒๕๒๗ ข้าพเจ้ารับตำแหน่งเป็นผู้ช่วยผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย อยู่มาแล้ว ๓ ปี นั่งมองดูงานกับมองดูอายุตัวเองแล้ว คิดว่าถ้าอยู่อย่างนี้ คงไปไม่ถึงไหนแน่ เพราะงานผู้ช่วยผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทยไม่เด่นมากนัก การที่จะได้ ๒ ขั้นคงยาก ประกอบกับอายุตัวก็ ๔๐ กว่าแล้ว จึงตัดสินใจขอออกจากกระทรวงมหาดไทย ไปเป็นหัวห้าฝ่ายแผนและโครงการสำนักงานจังหวัดนราธิวาส ที่นั่นงานมากและเป็นที่เสี่ยงภัย ที่นราธิวาส บ้านเช่าหายาก มีบ้านที่หัวหน้าฝ่ายคนก่อนเคยเช่าอยู่ เก่ามากๆ ผีดุ บนฝ้าเพดานมีค้างคาว หนูอาศัยอยู่เต็ม ตอนกลางคืนจะมีเสมือนเสียงคนเดินบนเพดานตลอดคืน ข้าพเจ้าคิดจะหาบ้านใหม่หลายครั้งแต่หาไม่ได้   

    ผู้บังคับบัญชาขณะนั้น ดูเหมือนไม่ค่อยชอบหน้าข้าพเจ้าเลย แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อมาแล้วก็ต้องทำงานให้คุ้ม ตกหัวค่ำก็ไปทำงาน โครงการอันเนื่องจากพระราชดำริ มีถึง ๒๙๙ โครงการ ทำคนเดียวไม่ค่อยทัน จึงต้องขึ้นทำตอนค่ำ ตั้งแต่ ๑๘.๓๐ น. ถึง ๒๒.๓๐ น. ทุกวัน หลังจากเลิกงานแล้วก็เป็นทุกข์ เพราะกลับไปบ้านก็กลัวผีหลอก จึงต้องไปกินเหล้าวันละ ๑ แบน หรือเบียร์ ๒ ขวดทุกวัน เมาแอ่นแล้วกลับบ้าน เข้านอนโดยไม่ต้องถอดเสื้อผ้า หลับไปเลยจะได้ไม่ต้องกลัวผี เป็นเช่นนี้อยู่ ๒-๓ เดือน เงินที่ติดตัวไปบ้างก็เริ่มหมด กลัวจะเป็นคนติดเหล้าก็กลัว จึงขึ้นไปกรุงเทพ ๒-๓ วัน ไปหาท่านมหาคล่อง ที่วัดวิเศษการ พรานนก ท่านบอกว่า ถ้ากลัวผีให้สวดพุทธคุณพาหุงมหากา ก็ไปซื้อหนังสือ เจ็ดตำนานมา ๑ เล่ม ตัดเอาเฉพาะที่เป็นบทพาหุง ไปถ่ายขยายใหญ่ติดไว้หัวนอน คราวนี้เลิกงานดึกแล้ว ไม่กินเหล้า เบียร์ แต่รีบกลับมาบ้านสวดพุทธคุณ พาหุงมหากา หลับสบายดีตั้งแต่บัดนั้นมา จนไม่ต้องกินเหล้าเบียร์อีกเลย พอดีตอนนั้น แม่ไปอยู่ด้วย แม่ใส่บาตรทุกวัน หลังจากสวดพุทธคุณพาหุงได้ ๒ เดือน ผู้บังคับบัญชาที่เคยไม่ชอบหน้า ก็ให้คนมาตามชวนไปทานอาหารเย็น แล้วค่อยๆ ดีขึ้นเรื่อย จนในที่สุดกลายเป็นคนที่ท่านชอบ ท่านขึ้นไปกรุงเทพ ๒ ครั้ง เพื่อขอความดีความชอบเป็นกรณีพิเศษ ๒ ขั้นให้ ปีนั้นได้ ๒ ขั้น เมื่อเงินเดือนสูง ได้รับการแต่งตั้งให้รักษาราชการ ในตำแหน่งหัวหน้าสำนักงานจังหวัดปทุมธานี ผู้บังคับบัญชาสมัยนั้นให้ความไว้วางใจมาก เพราะเป็นเรื่องแปลก ตกตอนกลางวันท่านจะชวนไปนั่งทานอาหารเที่ยง ด้วยกันทุกวันที่ข้างนอก พอทานเสร็จนั่งรถมากับท่าน พอจะถึงศาลากลางท่านก็สั่งงานเกือบทุกวัน แต่งานที่ท่านสั่งเราเตรียมไว้เสร็จแล้วทุกครั้ง นำไปให้ท่านลงนามภายใน ๓๐ นาที หลังจากท่านสั่งแล้วทุกครั้ง จึงได้รับความไว้วางใจด้วยดีเสมอมา อยู่ปทุมธานีได้ ๖ เดือน กระทรวงย้ายให้ไปอยู่จังหวัดเลย ซึ่งเป็นจังหวัดที่ต้องรับผิดชอบดูแลผู้อพยพถึง ๔๖,๐๐๐ คน มีข้าราชการที่เป็นลูกน้องมากกว่าจังหวัดอื่นๆ ถึง ๑๗ คน อยู่ที่นี่ก็เป็นที่รักใคร่ไว้วางใจของผู้บังคับบัญชาด้วยดี ได้รับการพิจารณาความดีความชอบเป็นกรณีพิเศษ ๒ ขั้น ติดต่อกัน ๒ ปี จึงได้รับการแต่งตั้งเข้าไปเป็นหัวหน้าฝ่ายการเงินของกระทรวงมหาดไทย ได้ ๒ ขั้น อีก ๑ ปี ต่อมาไปเป็นซี ๘ ที่นครศรีธรรมราช ๔ ปี ได้ ๒ ขั้นอีก ๓ ครั้ง พุทธคุณพาหุงสวดตลอดเวลา ทั้งตอนตื่นนอน ก่อนล้างหน้า และก่อนนอน ไม่ค่อยได้ว่างเว้นนอกจากมีเหตุจำเป็น 


       ต่อมาในปี ๒๕๓๖ กระทรวงมหาดไทยเรียกให้เข้าเรียน ในหลักสูตรนักปกครองระดับสูง (นปส.) ช่วงปิด ๓ วันก็ไปถือศีลที่วัดอัมพวัน ไปกับภรรยา นุ่งขาวห่มขาวถือศีลอยู่ ๓ วัน ทำสมาธิดีมากๆ ปีนี้ได้ ๒ ขั้นอีก ในที่สุดย้ายไปอยู่นราธิวาส วันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๓๗ ได้ ๒ ขั้น ทาง ศอ.บต. อีก ๑ ปี พอถึงเดือนมิถุนายน ๒๕๓๙ ได้เลื่อนเป็นรองผู้ว่าราชการจังหวันครศรีธรรมราช ตอนอยู่นครศรีธรรมราชนี้ ได้ถือปฏิบัติเคร่งครัดอยู่ ๓ ประการคือ




๑. สวดพุทธคุณพาหุงมหากาทุกวัน เช้า-ค่ำ เหมือนเช่นเคย
วันเกิดอาจสวดธรรมจักรกัปปวัตนสูตรบ้าง ทำสมาธิด้วย

๒. ใส่บาตรทุกเช้า ไม่ว่าภิกษุสามเณร จะกี่องค์ต้องใส่จนครบ
บางวันมีถึง ๕๐ องค์ ใส่จนครบ

มีข้อสังเกตว่า ยิ่งทำบุญใส่บาตรมากเท่าใด ประชาชน ญาติมิตร เพื่อนฝูงจะนำของกินมาให้ เช่น ผัก ปลา ผลไม้ น้ำผึ้ง ข้าวสาร มาให้จนใช้ไม่หมด ต้องแจกจ่ายให้ผู้อื่นอยู่เสมอๆ


๓. ชักชวนข้าราชการ พ่อค้า ประชาชนชาวพุทธไปทำบุญ ตามโครงการธรรมทานสัญจร เป็นประจำทุกเดือนๆ ละ ๑ ครั้ง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นวันอาทิตย์ มีข้าราชการและประชาน ไปร่วมครั้งละมากๆ  บางครั้งถึง ๘๐๐ คน ทุกคนจะได้รับแจกบทสวดพุทธคุณพาหุง เพื่อสวดทุกคน ทุกครั้งที่ไปทำบุญ ได้แจกไปแล้วที่นครศรีธรรมราช ประมาณ ๒ แสนฉบับ (รวมเวลา ๔ ปีครึ่ง) จะมีผู้ที่สวดเป็นประจำหลายหมื่นคน 



      ต่อมาตุลาคม ๒๕๔๓ ได้ย้ายไปเป็นรองผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง ก็ดำเนินการเช่นเดียวกับที่นครศรีธรรมราช แต่ใช้ความถี่ในการออกไปชักชวนคนให้สวดมากขึ้น คือ ไปทุกเสาร์อาทิตย์ ส่วนในช่วงพรรษาไปทุกวัน เว้นวันจันทร์วันเดียว ผลก็คือ มีผู้สวดพุทธคุณพาหุงมหากากันทั่วเมือง  ๑ สิงหาคม ๒๕๔๔ เดินทางขึ้นไปนมัสการพระที่พิษณุโลก และเชียงใหม่ พอถึงวันที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๔๔ ได้เดินทางกลับและนมัสการท่านเจ้าคุณหลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน สิงห์บุรี โชคดีมากๆ ที่วันนี้ท่านลงมารับแขก มีแขกคุยอยู่เพียง ๔-๕ คนเท่านั้น ภรรยาซึ่งมาวัดนี้บ่อยๆ ก็ชวนให้เข้าไปนมัสการท่าน หลังจากนั่งฟังท่านคุยอยู่พอสามควร ก็มีโอกาสได้เล่าให้ท่านฟังว่า เป็นรองผู้ว่าราชการจังหวัดมา ๕ ปีครึ่งแล้ว อยู่นครศรีธรรมราชและพัทลุง นำประชาชนสวดพุทธคุณพาหุง ไม่เคยขาด ท่านนั่งดูสักพักท่านก็พูดขึ้นมาว่า "ไปเป็นผู้ว่าเสียไป"  ดีใจมาก เพราะคิดว่าสวดพุทธคุณพาหุงมา ๑๐ กว่าปี ล้วนพบแต่ของดี มาวันนี้ท่านเจ้าคุณคงมองเห็นพลังความดี ที่เราสวดและปฏิบัติธรรมตามบทพุทธคุณหาหุงมาตลอด  ท่านจึงให้พรให้ไปเป็นผู้ว่าและพอถึงวันที่ ๒๘ สิงหาคม ๒๕๔๔  โทรศัพท์ก็ประกาศว่า ครม.แต่งตั้งให้ไปเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง คนทั่วไปบอกกันว่า ที่ได้เป็นผู้ว่าก็เพราะสวดพาหุง จึงเรียกกันว่าผู้ว่าพาหุง  ข้าพเจ้าดีใจมากๆ ที่คนเรียกเช่นนั้น เพราะอยากจะชักนำให้คนสวดพาหุงกันให้มากๆ  แต่ดูเหมือนคนไม่กล้าสวด กลัวจะเชย แต่เราสวดจนได้เป็นผู้ว่าราชการจังหวัด ไม่ได้ทำชั่วจนได้เป็น ก็ดีใจ เพราะอาจทำให้คนอื่นหายกลัวเชยไปได้บ้าง สิ่งที่ชักชวนให้ผู้คนสวดพุทธคุณพาหุงมากๆ  ก็คือ ได้อธิบายให้คนเข้าใจว่า พุทธคุณพาหุง เป็นบทที่พรรณนาเล่าเรื่องที่พระพุทธเจ้าชนะมาร ๘ ประการ แต่ละประการทรงชนะด้วยธรรมะ  อานิสงส์ของการสวด  ก็คือ เอาธรรมะมาท่องบ่น บริกรรม ภาวนา ย่อมได้อานิสงส์  และนำธรรมะนั้นๆ ไปปฏิบัติย่อมได้อานิสงส์เห็นทันตา เช่น 

พาหุงข้อที่ ๑ พระพุทธเจ้าชนะมารด้วยระลึกถึงทานที่ทำมาแล้ว
แต่อดีตชาติ ข้อนี้ธรรมะ คือ สอนให้เราให้ทานแล้วชนะมารได้

พาหุงข้อที่ ๒ คือชนะด้วยขันติ ความอดทน อดกลั้น
ผู้ใดสวดแล้วนำธรรมะมาปฏิบัติก็จะทำอะไรสำเร็จ
ให้ลูกสวด ให้ลูกปฏิบัติ ลูกเรียนหนังสือก็จะสำเร็จมีงานการทำดีๆ

พาหุงข้อที่ ๓ พระพุทธเจ้าชนะมารด้วยเมตตา
ธรรมะในข้อนี้ คือ เมตตา สวดแล้วแผ่เมตตาก็จะไม่มีศัตรู
มีแต่เทวดารัก มนุษย์รัก เป็นต้น

พุทธคุณพาหุงนี้มีอานุภาพมากจริงๆ ได้เห็นมาแล้วทุกอย่าง

วันหนึ่งประชาชน ๓,๐๐๐ กว่าคนปิดถนน ประท้วงเรื่องเลือกตั้ง ผู้ว่าราชการจังหวัดมอบหมายให้ข้าพเจ้าไปแก้ปัญหา สามารถใช้เวลาในการเจรจาเพียง ๑๐ นาที ผู้คนเลิกปิดถนนได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจจริง จึงขอเชิญชวนทุกท่านสวดพุทธคุณพาหุงเถิดครับ ตัวเองได้ดี บุตรหลานได้ดี ครอบครัวได้ดี และบ้านเมืองจะดีไปด้วย ข้าพเจ้าเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ก็จะทำเช่นเดียวกับที่นครศรีธรรมราช และพัทลุง ด้วยใจมุ่งเมตตาให้ประชาชนเป็นสุขด้วยกันทุกคน
  



ท่านที่สอง 

         สวดมาตั้งแต่เรียนอยู่ที่รามคำแหง ประสบการณ์ส่วนตัวของผมคือได้ไปสอบแข่งขันเข้าบรรจุข้าราชการ ระดับ 2 ไว้ที่กรมๆหนึ่ง (ใช้วุฒิ ปวส.) แล้วก็สอบได้ลำดับที่ 45 โดยทางกรมจะขึ้นบัญชีผู้สอบแข่งไว้ 2 ปี คือผมทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยจนจบ เขาก็ยังไม่เรียกตัวซะทีไกล้จะครบ 2 ปี แล้ว ก็เลยทำงานที่เก่าไปก่อน (พ่อผมอยากให้รับราชการมาก) ผมก็เลยอธิธานว่าขอให้ข้าพเจ้าได้บรรจุเข้ารับราชการทุกครั้งหลังสวดพาหุงมหากา ทั้งๆที่เหลือเวลา อีกไม่ถึงเดือนก็จะครบ 2 ปีที่ขึ้นบัญชีไว้ และแล้วผมก็ได้รับโทรศัพท์จากแม่ว่ามีหนังสือจากกรมๆหนึ่งให้ไปรายงานตัว ผมได้รับบรรจุเข้ารับราชการ ก่อนตัดบัญชี เพียง 2 วัน ผมทำงานที่นี่ได้ 3 ปี กว่าแล้วครับ และมีความสุขกับงานที่ทำมาก ทุกวันนี้ผมก็สวดเกือบทุกวัน ถ้ามีเวลามากก็สวดยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก และ พระคาถาชินบัญชรด้วย



ท่านที่สาม

       หลายสิบปีก่อนพี่ชายได้หนังสือสวดมนต์ของหลวงพ่อจรัญมา ข้าพเจ้าเปิดอ่านดูแล้วชอบเรื่องเล่าที่อยู่ในหนังสือ ก็เปิดอ่านไปเรื่อยจนจบแต่ความที่ไม่เคยสวดมนต์ และถ้าต้องไปนั่งในห้องพระก็ทำไม่ได้ เพราะกลัวเงียบและสงบเกินไป แต่ข้าพเจ้าสนใจเนื้อหาและคำแนะนำที่หลวงพ่อเชิญชวนให้สวดพาหุงมหากา ขนาดสมเด็จพระนเรศวรยังทรงสวดมิได้ขาด ก็สนใจจึงได้เปิดหนังสือนี้นั่งอ่านที่โต๊ะรับแขกทุกเช้าก่อนไปทำงาน ปี 2540 ที่ประเทศต้องผจญกับภาวะฟองสบู่แตกนั้น ครอบครัวของเราไม่มีผลกระทบอะไร โดยส่วนตัวของข้าพเจ้าเชื่อว่าเป็นผลแห่งอานิสงฆ์การสวดมนต์ตามที่หลวงพ่อท่านแนะนำคะทุกวันนี้ไม่ต้องเปิดหนังสือก็จำได้คะ และสามารถไปนั่งสวดมนต์ห้องพระได้โดยไม่มีความกลัวอีกแล้ว




ท่านที่สี่

    มีช่วงนึงตอนสมัยเรียน มหาวิทยาลัยปี 2 ผมสวดพาหุงและคาถาชินบัญชรก่อนนอนทุกวัน ผลออกมาเทอมนั้นลงเรียน 5 วิชาได้ A 4 ตัว อีกตัวนึง B ครับ สรุปเทอมนั้น GPA 3.8 เลย ใครยังไม่สวด ตั้งแต่คืนนี้ไปลองดูนะครับ





---สาธุ---







Share on Google Plus

About Chanachai

This is a short description in the author block about the author. You edit it by entering text in the "Biographical Info" field in the user admin panel.
    Blogger Comment
    Facebook Comment

1 ความคิดเห็น :